มาใหม่ล่าสุด


ติดตามดูคลิปฟุตบอลทางเฟสบุ๊ค ได้ที่หน้าแฟนเพจได้เลยนะครับ... www.facebook.com/clibfootball หรือตามลิงค์ด้านล่างครับ...เข้าไปแล้วช่วยกดไลค์ด้วยนะครับ... https://www.facebook.com/clibfootball

วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

J.Press จูเนียร์ ฟุตซอล ปีที่ 11

ระเบิดความมันส์แบบไร้ขีดจำกัด
J.Press จูเนียร์ ฟุตซอล ปีที่ 11
ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี
พร้อมทุนการศึกษากว่า 1 ล้านบาท
เส้นทางสู่นักฟุตซอลทีมชาติเริ่มขึ้นแล้ว
รอบคัดเลือก 6 ภาคทั่วประเทศ 14 กรกฎาคม-27 สิงหาคม 53




รอบคัดเลือก ภาคกรุงเทพมหานคร
ระหว่างวันที่ 14 – 23 กรกฎาคม 2553 ณ อาคารศูนย์กีฬา โรงเรียนพรตพิทยพยัต เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร



รอบแรก
การแข่งขันฟุตซอล ในรอบคัดเลือก ภาคกรุงเทพมหานคร มีทีมโรงเรียน และวิทยาลัยต่างๆ เข้าร่วมทำการแข่งขัน จำนวน 67 ทีม โดยจะทำการแบ่งสาย การแข่งขันในรอบแรก ออกเป็น 22 สาย สายละ 3 ทีม ทำการแข่งขันแบบพบกันหมดในสาย เพื่อทำการคัดเลือกหาทีมที่มีคะแนนเป็นที่ 1 ของแต่ละสาย เข้าไปแข่งขันในรอบที่สอง และ รอบที่สาม ต่อไป
หมายเหตุ ทีมโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี ทีมชนะเลิศ ในการแข่งขันฟุตซอล ระดับมัธยมศึกษาชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 10 ประจำปี 2552 ได้สิทธิเข้าไปแข่งขันฟุตซอล ระดับมัธยมศึกษาชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 11 ประจำปี 2553 รอบชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย


ดูตารางการแข่งขันแต่ละภาคที่นี่
http://www.siamsport.co.th/jpress.html

Netherlands 0-1 Spain

อิเนียสต้ายิง!กระทิงขวิดดัตช์ซิวแชมป์ครั้งแรก





ศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบชิงชนะเลิศ

วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม 2553

ฮอลแลนด์ 0:1 สเปน




Hilight



Netherlands 0-1 Spain (Highlights)

Ricardo | MySpace Video





Celebrations + Trophy Ceremony








ฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ เดินทางมาถึงนัดสุดส้าย รอบชิงชนะเลิศ เป็นเกมตัดสิน ฮอลแลนด์ - สเปน มีเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นผู้ชนะจะกลายเป็นทีมแชมป์โลกใหม่ลำดับที่ 8 นับตั้งแต่มีการจัดการแข่งขันครั้งแรก และอีกไฮไลท์ที่น่าสนใจคือการขับเคี่ยวกันระหว่าง เวลสลีย์ สไนจ์เดอร์ และ ดาบิด บีญ่า ที่กำลังลุ้นตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุด หลังทำได้เท่ากันอยู่ที่ 5 ประตู

ครึ่งแรก
ฮอลแลนด์ ในชุดสีส้มเป็นฝ่ายเขี่ยลูกเริ่มเล่นบุกจากขวาไปซ้าย นาทีที่ 5 เป็น สเปน ที่ได้ลุ้นก่อน จากจังหวะลูกฟรีคิกทางฝั่งขวา ชาบี เฮอร์นานเดส เปิดเข้ามาในเขตโทษ เซอร์คิโอ รามอส ได้โอกาสโขกติดเซฟ มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก ก่อนบอลจะถูกเคลียร์ออกมาได้

นาทีที่ 7 ฮอลแลนด์ ได้ลุ้นบ้าง! เซอร์จิโอ บุสเกสต์ กองกลางของสเปน จ่ายตัดเข้ากลางในจังหวะทำเกมบุกขึ้นมา เดิร์ก เคาท์ ตัดได้เร่งจังหวะยิงด้วยขวาจากนอกกรอบบอลเบาเข้าซอง อีเกร์ การ์ซิยาส

เกมค่อนข้างเร็ว! นาทีที่ 12 สเปน ขึ้นเกมบุกมาทางขวาก่อนจะมาได้ลูกเตะมุมโดย ชาบี เฮอร์นานเดส, อลอนโซ่ ผ่านบอลข้ามไปที่เสาไกล บีญ่า วอลเลย์ด้วยขวาเต็มข้อเข้าข้างตาข่าย

นาทีที่ 33 อีเกร์ การ์ซิยาส ขว้างบอลยาวออกนอกสนาม เพื่อดูอาการของ ปูโยล กองหลังเพื่อนร่วมทีม หลังทั้งคู่เข้าปะทะกันในจังหวะเข้าเล่นบอล ฮอลแลนด์ แสดงสปิริตทุ่มเข้ามาก่อนจะวางยาวจากกลางสนามกะคืนให้ สเปน เล่นต่อบอลเจ้ากรรมตกกระดอนพื้นลอยสูงเกือบเข้าประตู การ์ซิยาส ต้องปัดออกหลัง ก่อนที่ ฟาน เพอร์ซี่ จะมาเตะมุมคืนบอลให้ สเปน

ช่วงทดเจ็บ ฮอลแลนด์ ได้โอกาสลุ้นหลังตั้งรับอยู่นาน! บอลบริเวณหัวกะโหลก จ่ายออกขวา ร็อบเบน เติมขึ้นมาเล่นหาจังหวะยิงด้วยซ้ายที่เสาแรก อีเกร์ การ์ซิยาส ต้องปัดออกหลัง ผู้ตัดสินเป่าจบครึ่งแรกทั้ง 2 ทีมยังเสมอกันอยู่ 0:0

ครึ่งหลัง
เขี่ยลูกเล่นต่อครึ่งหลัง ทั้ง 2 ทีมยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่น สเปน ได้ลูกเตะมุมทางขวาในนาทีที่ 48 ชาบี เฮอร์นานเดซ เปิดมากลาง คาร์เลส ปูโยล ลอยตัวสะบัดโขกมาที่เสาสอง โจน แคปเดบิญ่า แปด้วยขวาเท้าข้างไม่ถนัดไม่โดน บอลหลุดออกหลัง

นาทีที่ 51 เคาท์ พาบอลจากกลางหน้าเขตโทษออกมาขวาจ่ายให้ อาร์เยน ร็อบเบน ลากตัดกลับเข้าในแล้วตวัดยิงด้วยซ้ายลูกถนัด อีเกร์ การ์ซิยาส ล้มตัวตะครุบบอลไว้ได้ที่โคนเสา

นาทีที่ 61 ฮอลแลนด์ ต้องได้!!! สไนจ์เดอร์ จ่ายทะลุช่องจากกลางสนามขึ้นหน้า อาร์เยน ร็อบเบน หลุดเดี่ยวเข้าไปดวลตัวต่อตัวยิงติดขา กาซิยาส ออกหลังอย่างน่าเสียดาย

สเปน ต้องได้!!! (เหมือนกัน) นาทีที่ 70 จังหวะขึ้นเกมรุกมา ชาบี เฮอร์นานเดส ผ่านออกขวาให้ เฮซุส นาบาส ตัวสำรองที่เปลี่ยนลงอาศัยสปีดต้นมากระชากเข้าไปในเขตโทษ เปิดผ่านมาที่เสาสองกองหลัง ฮอลแลนด์ เสียจังหวะสกัดบอลไม่ขาดเลยมาถึง บีญ่า ได้กดเต็มข้อบอลติดบล็อกออกหลัง

อีกครั้งที่สเปน น่าจะได้ประตู จากจังหวะลูกเตะมุมทางซ้ายในนาทีที่ 77 ชาบี เฮอร์นานเดซ เปิดเข้ามากลางประตู เซอร์จิโอ รามอส พุ่งเข้ามาโขกโล่งๆ ไม่มีตัวประกบแต่กดไม่ลง บอลข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย

ทดเวลาบาดเจ็บ 3 นาที ยังไม่มีการทำประตู ผู้ตัดสินเป่าจบเกมปกติ ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที

ครึ่งต่อเวลาพิเศษ
สเปน เขี่ยลูกเริ่มเล่นบุกจากซ้ายไปขวา นาทีที่ 95 สเปน ได้ลุ้น!! อีเนียสต้า ซึ่งเล่นได้เด่นมาสุดในเกมนี้จ่ายจากกลางสนามขึ้นหน้า เชส ฟาเบรกาส ที่ลงมาเป็นตัวสำรองช่วงครึ่งหลังสปีดไปเล่นก่อนจะยิงด้วยซ้าย มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก อ่านขาดออกมาปิดทางเซฟไว้ได้ด้วยหน้าแข้ง!

นาทีที่ 101 เชส ฟาเบรกาส จ่ายออกขวาให้ บีญ่า ที่ลงมาเชื่อมเกมต่ำผ่านต่ออีกจังหวะถึง เฮซุส นาบาส ซัดด้วยขวาบอลแฉลบขากองหลัง ฮอลแลนด์ เกือบเปลี่ยนทางเข้าประตู

ฮอลแลนด์ มาเหลือผู้เล่น 10 คนในนาทีที่ 108 จอห์นนี่ ไฮติงก้า เจตนาดึง อันเดรียส อีเนียสต้า ล้มลงในจังหวะจะหลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษผูตัดสินแจกใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่ ไฮติงก้า ออกจากสนาม

นาทีที่ 115 ฮอลแลนด์ ได้ลูกฟรีคิกระยะราว 35 หลา เวสลีย์ สไนจ์เดอร์ รับหน้าที่สังหาร ซัดบอลแฉลบกำแพง ออกหลังแต่ไม่ได้ลูกเตะมุม

สเปน มาได้ประตูสำคัญขึ้นนำ 1:0 ในนาทีที่ 117 ตอร์เรส ซึ่งลงมาเป็นตัวสำรอง ตักจากซ้ายเข้าใน บอลโดนกองหลังฮอลแลนด์ สกัดเข้าทาง ฟาเบรกาส แทงออกขวาให้ อันเดรียส อิเนียสต้า วอลเลย์ด้วยเน้นๆ ส่งบอลกองก้นตาข่ายอย่างสวยงาม เป็นประตูชัย ช่วยให้ สเปน เอาชนะ ฮอลแลนด์ คว้าแชมป์มาครองอย่างยิ่งใหญ่ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์จากการผ่านเข้าชิงฯครั้งแรก


0-1 Iniesta 116' // Download


Netherlands 0-1 Spain

Simão | MySpace Video



Uruguay 2-3 Germany

เยอรมันซิวอันดับ3บอลโลกเฉือนอุรุกวัย3:2




ฟุตบอลโลก 2010 ชิงอันดับ 3

วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม 2553

Hilight

Uruguay 2-3 Germany (Highlights)

Ricardo | MySpace Video




ศึกฟุตบอลโลก 2010 ชิงอันดับ 3 อุรุกวัย ลงสนามพบ เยอรมัน สำหรับสถิติการพบกันในทุกรายการของฟีฟ่าที่ผ่านมา 8 ครั้ง อุรุกวัย ไม่เคยชนะ เยอรมัน ได้แม้แต่ครั้งเดียว เป็นการเสมอ 2 ครั้ง ส่วน 6 ครั้งที่เหลือเป็นชัยชนะของทีม "อินทรีเหล็ก" ทั้งหมด

โยอาคิม เลิฟ มีอาการป่วยเป็นไข้หวัดไม่ได้นำลูกทีมลงซ้อมเมื่อวานที่ผ่านมา ในส่วนของตัวผู้เล่น ฟิลิปส์ ลาห์ม, ลูคัส โพดอลสกี้ ที่รายงานระบุว่ามีอาการไข้เช่นเดียวกันนั้น ไม่มีชื่อลงสนาม ขณะที่ มิโรสลาฟ โคลเซ่ ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บบริเวณหลัง คาเคา ได้รับโอกาสให้ลงทำหน้าที่แทนส่วน โทมัส มุลเลอร์ ดาวรุ่งฟอร์แรงพ้นโทษแบนกลับมาแล้วได้ลงเป็นตัวจริงในเกมนี้

ออสการ์ ตาบาเรซ กุนซือมากฝีมือของ อุรุกวัย หมายมั่นเต็มที่ว่าจะคว้าอันดับ 3 ให้ได้เกมนี้ ในส่วนของตัวผู้เล่นข่าวดีคือ หลุยส์ ซัวเรส พ้นโทษแบนเกมที่แล้วจากกรณีที่ใช้มือปัดบอลเกมรอบ 8 ทีมสุดท้าย กลับมาลงล่าตาข่ายประสานงานกับ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน กองหน้าตัวเก่ง ที่เรียกคืนสภาพความฟิตกลับมาทันอีกครั้ง


อุรุกวัยในชุดสีฟ้าเป็นฝ่ายเขี่ยลูกเริ่มเล่น บุกจากซ้ายไปขวา มาได้ลุ้นในนาทีที่ 6 จากจังหวะลูกฟรีคิกระยะหวังผล ฟอร์ลัน รับหน้าที่สังหารซัดไปโดนมือ คาเคา ผู้ตัดสินให้ อุรุกวัย ได้ฟรีคิกอีกครั้ง ฟอร์ลัน คึนเดิมรับหน้าที่สังหารปั่นบอลข้ามกำแพงหลุดกรอบออกหลัง

เยอรมัน ได้ลูกเตะมุมทางขวาในนาทีที่ 10 เมซุต โอซิล เปิดเลยมาที่เสาไกล อาร์เน่ ฟรีดิช กองหลังที่เติมเกมขึ้นมา ขึ้นโขกบอลชนคานเด้งเข้าทาง มุลเลอร์ โขกซ้ำอีกครั้งโดนแนวรับ อุรุกวัย เคลียร์ออกมาได้

ประตูแรกของเกมเกิดขึ้นในนาทีที่ 19 และก็เป็น เยอรมัน ที่ทำได้! ชไวน์สไตเกอร์ ได้บอลหน้าเขตโทษสับไกยิงระยะราว 30 หลาบอลพุ่งเข้ากรอบ มุสเลร่า รับกระเฉาะ โทมัส มุลเลอร์ วิ่งตามเข้ามาซ้ำไม่มีเหลือ เยอรมัน ขึ้นนำ 1:0

0-1 Muller 19'




อุรุกวัย ไล่ตีเสมอเป็น 1:1 ในช่วงไม่ถึง 10 นาที!! เกมคอนโทรลกันตรงกลางสนาม เปไรร่า กวาดแย่งบอลได้จากเท้าของ ชไวน์สไตเกอร์ ก่อนจะแทงขึ้นหน้ามาให้ ซัวเรส จ่ายออกซ้ายให้ เอดิสัน คาวานี่ จิ้มผ่านมือ ฮันส์-ยอร์ก บุทท์ เข้าไป

1-1 Cavani 28'



นาทีที่ 44 เยอรมัน มาได้ลูกฟรีคิกระยะหวังผลหน้าประตูจากจังหวะทำแฮนด์บอลของ ดีเอโก้ ลูกาโน่, บาสเตีย ชไวน์สไตเกอร์ รับหน้าที่สังหารซัดบอลติดกำแพงแฉลบออกหลัง ทดเวลาบาดเจ็บ 1 นาทีไม่มีการทำประตูเพิ่ม จบครึ่งแรกทั้ง 2 ทีมเสมอกันอยู่ที่สกอร์ 1:1


ครึ่งหลัง
เขี่ยลูกเริ่มเล่นในครึ่งหลัง ทั้งสองทีมยังไม่เปลี่ยนตัวผู้เล่น อุรุกวัย ได้ลุ้นในนาทีที่ 49 ดีเอโก้ ฟอร์ลัน แทงบอลออกซ้าย คาวานี่ ยิงติดเซฟ ฮันส์-ยอร์ก บุทท์ เกี่ยวกลับมาได้ปล่อยให้ ซัวเรส ซัดก็ยังไม่ผ่าน ยอร์ก บุทท์

กลายเป็น อุรุกวัย ที่พลิกขึ้นนำ 2:1 นาทีที่ 51 เกมขึ้นมาทางขวา อเรวาโร่ ริออส ผ่านเข้ามาให้ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน วอลเลย์กดลงพื้นบอลผ่านมือ ฮันส์-ยอร์ก บุทท์ เข้าประตูไป!


2-1 Forlan 51'




เยอรมัน ไม่ยอมง่ายๆ ไล่ตีเสมอเป็น 2:2 ในนาทีที่ 57 เจโรม บัวเต็ง ผ่านจากขวาเข้ามากลาง เฟอร์นานโด มุสเลร่า ออกมาตัดไม่ถึงบอล มาร์แซล แยนเซ่น โขกเข้าไปไม่มีเหลือ สกอร์กลับมาเท่ากันอีกครั้ง

2-2 Jansen 56'




นาทีที่ 80 เยอรมัน ขึ้นเกมมาทางขวา บัวเต็ง เติมเกมรุกเปิดเข้ามากลาง สเตฟาน คีสส์ลิงก์ ตัวสำรองที่เปลี่ยนลงมาพุ่งโขกไปถึงบอลหลุดออกหลัง

นาทีที่ 82 เยอรมัน ได้ประตูขึ้นนำ 3:2 จากจังหวะลูกเตะมุมบอลตกกลางประตูไม่พ้นเขตอันตราย ซามี่ เคห์ดิร่า อาศัยจังหวะชุลมุนโขกเสยส่งบอลกองก้นตาข่าย

2-3 Khedira 82'




นาทีที่ 88 เยอรมัน ทำเกมสวนกลับต่อกันขึ้นมาอย่างสวยงาม มุลเลอร์ ผ่านเข้ามาในเขตโทษให้ คีสส์ลิงก์ ซัดโดนใต้ลูกบอลโด่งข้ามคาน

อุรุกวัย มาได้ลูกฟรีคิกระยะหวังผลช่วงทดเจ็บ! ดีเอโก้ ฟอร์ลัน รับหน้าที่สังหารปั่นด้วยขวาบอลข้ามกำแพงโดนคานจังๆ พลาดตีโอกาสเสมออย่างน่าเสียดาย ผู้ตัดสินเป่าจบเกมเป็น เยอรมัน ที่เอาชนะ อุรุกวัย ไปได้ 3:2 คว้าอันดับ 3 ไปครอง
วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Germany 0-1 Spain

"กระทิงดุ" สเปน ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก หลังจากที่เฉือนเอาชนะ "อินทรีเหล็ก" เยอรมัน 1-0 การ์เลส ปูโยล รับบทฮีโร่ โขกประตูชัย ศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบรองชนะเลิศ เมือ่คืนที่ผ่านมา



ฟุตบอลโลก 2010 รอบรองชนะเลิศ
เมื่อวันพุธที่ 7 กรกฎาคม 2553
เยอรมัน 0 - 1 สเปน

Hilight

Germany 0-1 Spain Highlights

Footy | MySpace Video



สนาม : เดอร์บัน สเตเดี้ยม (เดอร์บัน)



ทีมชาติเยอรมัน แชมป์ฟุตบอลโลก 3 สมัยปี 1954, 1974, 1990 ลงสนามปะทะ สเปน แชมป์ยูโร 2008 ที่ยังไม่เคยได้แชมป์เวิลด์ คัพ โดยเกมรอบรองชนะเลิศ บอลโลก 2010 คู่นี้เตะกันที่เดอร์บัน สเตเดี้ยม ในเมืองเดอร์บัน ถือเป็นการกลับมาเจอกันอีกครั้ง หลังจากสองยักษ์ใหญ่จากยุโรปพบกันในยูโร 2008 รอบชิงชนะเลิศ ซึ่ง ทีมกระทิงดุคว้าชัย 1-0 จากประตูของ เฟร์นานโด ตอร์เรส ซึ่งเขาเป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ในวันนั้น และสำหรับผู้ชนะคู่นี้ จะผ่านเข้าไปเจอ ฮอลแลนด์ ในนัดชิงชนะเลิศที่โจฮันเนสเบิร์ก วันอาทิตย์ 11 กรกฎาคม ส่วนผู้แพ้จะชิงอันดับ 3 กับ อุรุกวัย วันเสาร์ 10 กรกฎาคมที่พอร์ท เอลิซาเบ็ธ

โยอัคคิม เลิฟ เทรนเนอร์เยอรมันที่สวมเสื้อคอวีสีน้ำเงิน เสื้อนำโชคซึ่งเขาใส่แล้วทีมชนะทุกนัด จัดการส่ง พิโอเตอร์ โทรชอฟสกี้ เล่นแทน โธมัส มุลเลอร์ ดาวรุ่งวัย 20 ปีที่ทำไปแล้ว 4 ประตู แต่เขาไม่สามารถลงเล่นนัดนี้ได้ เนื่องจากติดโทษแบน ขณะที่ ซามี่ เคดิร่า มิดฟิลด์หายเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาขวาลงเล่นได้ และ มิโรสลาฟ โคลเซ่ กองหน้าตัวหลักยิงในฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายไปแล้ว 14 ประตู ขาดเพียงประตูเดียวจะทำสถิติเท่ากับ โรนัลโด้ อดีตศูนย์หน้าทีมชาติบราซิลที่ทำไว้ 15 ประตู ทางด้าน บิเซนเต้ เดล บอสเก้ กุนซือสเปนดร็อป เฟร์นานโด ตอร์เรส เป็นตัวสำรอง แล้วส่ง เปโดร โรดริเกซ ลงเล่น โดยมี ดาบิด บีย่า เป็นกองหน้าตัวหลัก และเขายิงไปแล้ว 5 ประตู นำดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2010 ร่วมกับ เวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์ สตาร์ฮอลแลนด์เวลานี้

เกมครึ่งแรก ผ่านไปเพียง 4 นาที ขณะที่นักเตะทั้งสองทีมกำลังแข่งขัน ได้มีแฟนบอลผู้ชายรายหนึ่งที่สวมเสื้อที-เชิร์ตสีน้ำเงิน นุ่งกางเกงยีนส์ และถือแตรวูวูเซล่า วิ่งลงมาในสนาม ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องช่วยกันพาตัวออกไป จากนั้นทั้งสองทีมเตะกันต่อ และนาทีที่ 5 สเปนมีลุ้นที่จะได้ประตู เมื่อ เปโดร โรดริเกซ ผ่านบอลแม่นยำให้ ดาบิด บีย่า ยิงไปติด มานูเอล นอยเออร์ นายทวารที่วิ่งออกจากเส้นประตูเข้ามาบล็อคได้ทันเวลา

ทั้งสองทีมต่อบอลกันกลางสนามเป็นส่วนใหญ่ และแล้วนาที 14 โอกาสเป็นของทีมกระทิงดุอีกครั้ง อันเดรส อิเนียสต้า โยนบอลจากกรอบเขตโทษฝั่งขวามาเข้าหัว การ์เลส ปูโญล เซนเตอร์ฮาล์ฟขึ้นโหม่งข้ามคาน โดยนาทีต่อมา เยอรมันโต้กลับเร็ว เมซุต โอซิล เปิดลูกเตะมุมจากทางฝั่งขวา บอลไซด์โค้งมาที่หน้าประตู อิเกร์ กาซิยาส นายทวารกัปตันทีมเซฟไว้ได้

นาที 19 เซร์คิโอ รามอส แบ็กขวาสเปนซัลโวจากบริเวณกรอบเขตโทษ บอลเหินข้ามคานออกไป โดยทัพกระทิงดุยังเป็นฝ่ายครองบอลมากกว่า ขณะที่อินทรีเหล็กใช้จังหวะสวนกลับเร็วที่มีประสิทธิภาพ เพื่อลุ้นทำประตู

จากนั้นนาที 27 เซร์คิโอ รามอส ไปย่ำเข้าที่ข้อเท้าซ้ายของ ลูคัส โพดอลสกี้ จนได้รับบาดเจ็บ โดย รามอส ไม่โดนใบเหลืองแต่อย่างใด และหลังจากได้รับการปฐมพยาบาล โพดอลสกี้ กลับมาเล่นต่อไปได้

สเปนแม้ครองบอลมากกว่า แต่ยังเจาะกองหลังเยอรมันเข้าไปทำประตูไม่ได้ ต้องใช้วิธีซัลโวระยะไกล นาที 30 ชาบี อลอนโซ่ ยิงเท้าขวาระยะไกล 30 หลาไม่เข้ากรอบ

เยอรมันเริ่มเดินเกมรุกได้มากกว่า พิโอเตอร์ โทรชอฟสกี้ ได้ยิงไกล 30 หลา นาที 32 ติด อิเกร์ กาซิยาส นายทวารกัปตันทีมปัดบอลออกเส้นหลังไปได้

ในช่วง 10 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก ทั้งสองทีมต่างมีโอกาสลุ้นทำประตู เปโดร โรดริเกซ ปีกซ้ายสเปนยิงไกลติด นอยเออร์ เซฟไว้ได้นาที 47 และนาทีต่อมา เซร์คิโอ รามอส เสียบเข้าที่ข้อเท้าของ เมซุต โอซิล ในกรอบเขตโทษ แต่ผู้ตัดสิน วิคเตอร์ คาสไซ จากฮังการีไม่ได้เป่าให้เยอรมันได้ลูกจุดโทษแต่อย่างใด จบครึ่งแรก ทั้งสองทีมเสมอกัน 0-0

ครึ่งหลัง สเปน เดินหน้าบุกเข้าใส่นาที 48 เมื่อ เปโดร ลุยขึ้นมาทางฝั่งขวาก่อนจะไหลเข้ากลางให้ ชาบี อลอนโซ่ ซัดด้วยขวาแต่บอลพุ่งหลุดกรอบออกหลัง

2 นาทีต่อมาแฟนกระทิงดุเกือบได้เฮอีกครั้งจากจังหวะที่ ชาบี เอร์นานเดซ ไหลบอลให้ ชาบี อลอนโซ่ ตะบันด้วยซ้ายแต่บอลพุ่งเฉี่ยวเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย

สเปน ยังคงดาหน้าบุกเข้าใส่นาที 55 เมื่อ อลอนโซ่ ไหลบอลให้ ดาบิด บีย่า ยิงด้วยขวาจากหน้าเขตโทษแต่บอลไม่เข้ากรอบ

กระทิงดุน่าจะได้ประตูอีกครั้งในนาที 58 จากจังหวะที่ อิเนียสต้า ลุยเข้าไปในเขตโทษก่อนจะเปิดไปเสาสอง บีย่า พยายามเข้าชาร์จแต่ไม่ทันบอลผ่านหน้าประตูออกไปอย่างน่าเสียดาย

เยอรมัน พยายามหาโอกาสบุกนาที 60 กองหลัง สเปน โหม่งสกัดบอลมาเข้าทาง มิโรสลาฟ โคลเซ่ เอี่ยวตัววอลเลย์แต่บอลข้ามคาน

สเปน ยังคงบุกได้น่ากลัวนาที 63 ชาบี อลอนโซ่ โยนบอลโค้งเข้าไปในเขตโทษให้ เซร์คิโอ รามอส ทะลุเข้าไปแต่จังหวะสุดท้ายถูก ลูคัส โพดอลสกี้ เสียบล้มลงไปแต่ผู้ตัดสินไม่ว่าอะไร

เยอรมัน ลงมาตั้งรับกันอย่างเหนี่ยวแน่นนนาที 67 เป็น ดาบิด บีย่า ฉีกออกไปรับบอลริมเส้นก่อนจะได้ยิงในเขตโทษแต่ นอยเออร์ ยังล้มตัวรับได้ทัน

อินทรีเหล็กสวนกลับนาที 69 จากจังหวะที่ ลูคัส โพดอลสกี้ หลุดมาทางฝั่งซ้ายก่อนจะเปิดบอลมาเสาสองให้ โทนี่ โครส ตัวสำรองยิงเน้นๆ แต่ กาซียาส ยังไม่พลาดพุ่งปัดออกหลังได้ทัน

สเปน มาได้ประตูนำ 1-0 ในนาที 73 จากลูกเตะมุม ชาบี เอร์นานเดซ โยนบอลเข้าไปหน้าประตูเป็น การ์เลส ปูโยล ลอยตัวมาโขกผ่านมือ มานูเอล นอยเออร์ เข้าไปตุงตาข่าย

0-1 Puyol 73' // Download

Germany 0-1 Spain

Simão | MySpace Video


ช่วงท้ายเกม อินทรีเหล็ก บุกหนักแต่ก็ทำอะไรไม่ได้จบเกม สเปน เอาชนะ เยอรมัน 1-0 กระทิงดุ เข้าไปชิงชนะเลิศกับ ฮอลแลนด์ ในวันที่ 11 กรกฎาคม ส่วน อินทรีเหล็ก ต้องไปชิงอันดับ 3 กับ อุรุกวัย ในวันที่ 10










10 แข้งทรงเสน่ห์

ในวงการฟุตบอลตอนนี้ เรื่องฝีเท้าคงไม่มีใครแปลกใจเพราะนักเตะรุ่นใหม่มีลีลาการเล่นที่โดดเด่นเป็นสง่ามากมาย แต่ตอนนี้องค์ประกอบของรูปร่างหน้าตาก็เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการไล่เตะลูกหนัง ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักเตะบางคนถึงได้รับความสนใจจากสื่อและแฟนบอลมากมาย โดยเฉพาะแฟนบอลสาวๆ วันนี้ลองมาเช็คดูว่ามีแข้งทองคนไหนที่ทรงเสน่ห์โดนใจสาวๆ ในโลกใบนี้บ้าง


10. ร็อบบี้ ซาเวจ
ซาเวจ มักขึ้นชื่อลือชาว่าเล่นบอลหนักเป็นธรรมดา แต่ขอบอกว่า อดีตเด็กปั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้รับการกรี๊ดกร๊าดจากบรรดาสาวๆ ที่ชื่นชอบเกมลูกหนัง ไม่ใช่เพราะมีใบหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตร แต่ทรงผมของพี่ท่านมันสลวยสวยกว่าผู้หญิงบางคนด้วยซ้ำ แบบนี้เขาเรียกว่าคารมกับทรงผมได้ใจสาวๆ มากกว่าใบหน้าที่ดูดีแต่พูดไม่เก่ง แต่ขอบอกว่าอย่าได้คิดว่า ซาเวจ ผมยาวเงางามจะเล่นบอลนุ่มนิ่ม เพราะพี่ท่านก็ได้ชื่อว่าเป็นขาโหดในเกมลูกหนังเช่นกัน และก็โดนใบแดงแจกเป็นของชำร่วยอยู่บ่อยๆ




9. เดวิด ซีแมน
ตำนานนายทวารมือ 1 อาร์เซน่อล และทีมชาติอังกฤษ ได้รับการยกย่องว่ามีความเหนียวหนึบไม่ต่างอะไรกับกาวตราช้าง หลายคนบอกว่าโม้เกินไปหรือเปล่า อันนี้เรื่องจริง เพราะตั้งแต่ยุค 90 แทบจะหาโกล์สัญชาติอิงลิช ที่มีความคงเส้นคงวาได้เท่ากับเขาอีกแล้ว แม้จะมีอาการเอ๋อบ้างในบางเกม แต่ก็แน่นอนที่สุดเมื่อเทียบกับผู้รักษาประตูเพื่อนร่วมชาติคนอื่นๆ แต่ที่เขาได้รับความสนใจนอกจากฝีมือการป้องกันสุดยอดประหยัด (ซูเปอร์เซฟ) แล้ว ทรงผมยาวหางม้าของพี่ท่านมันน่ารักน่าชัง เข้ากับหนวดจิ้ม และหัวโตๆเหมือนแตงโมดีแท้ "ซีแมน เป็นคนหนุ่มที่สุดเท่ แต่เขาใช้เวลานานมากในการส่องกระจกมากกว่าจ้องดูบอลซะอีก คุณไม่สามารถป้องกันประตูด้วยผมแบบนั้นหรอก" คำกล่าวแซวของใครคนหนึ่ง ซึ่งไม่เปิดเผยนาม





8. เดวิด เจมส์
ให้ตายเหอะเห็นทรงผมของ เจมส์ แล้ว นึกว่าหนุ่มบอยแบนด์ที่ไหน แต่เพ่งพินิจพิจารณาอย่างถ้วนถี่นี่มันไอ้จอมเหวอทีมชาติอังกฤษนี่หว่า ใครๆ ก็เห็นว่าทรงผมปัจจุบันของ นายทวารพอร์ทสมัธ ที่ไว้สำหรับช่วยอังกฤษ ในศึกเวิลด์ คัพ 2010 เป็นแนวเดธร็อกเข้ากับบรรยากาศในดินแดนซาฟารี แต่ขอบอกว่าก่อนหน้านี้ อดีตนายแบบอาร์มานี่ เคยตัดสินใจครั้งสำคัญด้วยการยืดผมก่อนหวีเรียบแป้ ชนิดที่สาวคนไหนเห็นไม่อดอมยิ้มคงแปลกแล้ว เพราะใบหน้าที่คมเข้มมาเจอกับทรงผมแบบนี้ มันช่างได้ใจของชาวเกย์ดีแท้



7. ครีส อีเกิ้ลส์
นักเตะหน้ามนคนนี้เคยมีโอกาสได้ฝึกฝีไม้ลายมือกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สมัยที่หัวนมยังไม่แตกพาน และเป็นธรรมดาที่จะคอยแอบเมียงมอง เดวิด เบ็คแฮม จอมปั่นฟรีคิกในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ฉะนั้นคงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเขาจะได้รับอิทธิพลการแต่งตัวรวมทั้งการดูแลเส้นผมมาจาก "เบ็คส์" ไม่ใช่แค่นั้น อีเกิ้ลส์ ยังมีคิ้วที่แสนดกดำและโดดเด่นไม่แพ้ผมดำขรับยาวสลวยซะด้วย งานนี้ปีกหน้าหวานคงได้ใจสาวๆ ทั่วสนามเวลากระชากลากเลื้อยทรงริมเส้น ดีไม่ดีอาจจะมีอีหนูใจกล้ากระโดดลงมาฟัดก็ได้ ใครจะไปรู้



6. แอชลี่ย์ โคล
ไอ้หนุ่มนักรักมักมากในกาม จนตอนนี้ต้องการเป็นพ่อม่ายใจสะออนร่อนเร่พเนจรไปสะบึมสาวๆ ไม่เลือกหน้า แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะแม้ทรงผมของ โคลเข้ม จะไม่ได้สวยพลิ้วไหวเหมือนกับนักเตะคนอื่นๆ แต่พี่ท่านก็มีดีตรงเคราเข้มๆ ที่เพิ่งจะแทงทะลุใบหน้าอันดำทะมึน และไอ้เครานี้แหละทำให้สาวแก่แม่ม่ายต่างพร้อมพลีกายให้กับ ฟูลแบ็กเชลซี ขนาดที่สวยเลือกได้อย่าง เชอรีล โคล ป็อบสตาร์สุดเซ็กซี่ ยังหลงความเท่มาแล้ว และก็ต้องน้ำตาร่วงจากความเจ้าชู้ของเฮียด้วย ก็อย่างว่าคนมันเท่ไม่ได้เกี่ยวกับทรงผมเสมอไป เคราเข้มๆ ก็มีแรงกระตุ้นต่อเพศตรงข้ามเช่นกัน



5. ดาวิด ชิโนล่า
อดีตซูเปอร์สตาร์หน้าหล่อของ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และทีมชาติฝรั่งเศส ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนุ่มเซ็กซี่แห่งวงการลูกหนัง โดยเฉพาะยามที่พี่ท่านกระชากบอลทางริมเส้น นอกจากใบหน้าคมเข้มตามสไตล์คนเลือดน้ำหอม เขายังมีทรงผมยาวสลวยเรียกเสียงกรี๊ดบรรดาแม่ยกได้เป็นกระบุงโกย ถ้าไม่เชื่อก็ลองดูภาพเอาเองก็แล้วก็ แล้วจะรู้ว่าทำไม ชิโนล่า ถึงได้รับความนิยมจากสาวแท้ สาวเทียม ยันไปถึงเกย์คิงแอนด์ควีน มากมายขนาดนี้



4. เจมี่ เร้ดแน็ปป์
ดาวเตะ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ในช่วงต้นยุค 1990 ได้รับการขนานนามว่าเป็นเทพบุรุษลูกหนัง แต่ไม่ใช่แค่หน้าหล่อผมสวยเท่านั้น แต่ฝีเท้าก็ดีไม่ใช่เล่นเช่นกันจนได้รับการยกย่องให้เป็นอนาคตทีมชาติอังกฤษเลยทีเดียว โดยนอกจากการจ่ายบอลระดับเทพแล้ว เร้ดแน็ปป์จูเนียร์ ยังได้รับการเชิดชูว่าเป็นเจ้าพ่อลูกนิ่ง แต่น่าเสียดายที่เขาอยู่ในยุค "เดอะเร้ดส์ สไปซ์บอยส์" ก็เลยไม่ประสบความสำเร็จมากเท่าไรนัก กอปรกับโดนอาการบาดเจ็บรุมเร้าจนต้องอำลาเกมลูกหนังก่อนวัยอันควร แต่เดชะบุญที่สวรรค์ยังเห็นค่าความหล่อ เพราะเขาได้ครองคู่กับ หลุยส์ ซึ่งเป็นนักร้องสาวที่เป็นที่หมายปองของหนุ่มในยุคนั้น



3. เฟร็ดดี้ ลุงเบิร์ก
อดีตแข้งสุดเซ็กซี่ อาร์เซน่อล มักได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำแฟชั่นคนหนึ่งเลยทีเดียว โดยเฉพาะทรงผมหัวไก่ที่พี่ท่านนำมาแพร่ระบาดในวงการลูกหนังเมืองผู้ดี จนทะลักไปทั่วโลก แต่พอหัวมาโกนผมก็เท่แบบดิบๆ อีกต่างห่าง ยิ่งเมื่อพี่ท่านตัดสินใจสะบัดผ้าถ่ายแบบเหลือแค่กางเกงในห่อไข่ พร้อมกับกล้ามแบบนักกีฬาที่มีเสน่ห์น่าหลงใหล เล่นเอาพวกแอ๊บแมนต้องออกอาการแต๋วแตกเลยทีเดียว และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ลุงเบิร์ก ก็ตัดสินใจค้าแข้งไปด้วย และรับจ็อบนายแบบด้วย



2. คริสเตียโน่ โรนัลโด้
ให้ตายเหอะจากไอ้เด็กขี้กางจากโปรตุเกส จะกลายพันธุ์เป็นหนุ่มหล่อล่ำบึ้กเมื่อมาเหยียบสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากไอ้หนุ่มผมหยิกหยองไร้แววความเป็นซูเปอร์สตาร์ แม้ลีลาเล่นสับขาหลอกจะโดดเด่นเป็นสง่าแต่ความหล่อยังไม่ระเบิดออกมา อย่างไรก็ตาม "ไอ้เจ็ทโด้" สามารถแปลงเปลี่ยนกล้ามเนื้อที่ไร้เสน่ห์ กลายสภาพเป็นหุ่นพี่บึ้กภายในชั่วพริบตา และก็กลายเป็นหนุ่มชวนฝันของสาวๆ ทั่วโลก แม้ตอนนี้จะเป็นพ่อคนไปเรียบร้อยแล้ว โด้สับยังคงมีสาวๆ กางแข้งกางขาให้พี่ท่านแวะเอากระสุนมาฝากไว้ในรังไข่ ที่สำคัญมีข่าวแว่วๆ มาว่ากระบอกข้าวหลามใส่ฝอยทองมันใหญ่โตพอๆ กับกล้ามเนื้อซะด้วย



1. เดวิด เบ็คแฮม
บุรุษคนนี้เกิดมาเพื่อฆ่า เจมี่ เร้ดแน็ปป์ และ "โด้น้อย" และยังคงเป็นหนุ่มหล่อชวนฝันของสาวๆ เหมือนเดิม แม้ทุกวันนี้วัยจะล่วงเลยไปสามสิบกว่าๆ แล้วก็ตาม และมีลูกถึง 3 คนรวมทั้งเมียดุยิ่งกว่าหมาอย่าง วิคตอเรีย แต่ เบ็คแฮม ก็ยังคงเท่ไม่มีใครเทียบได้ แต่หากย้อนไปสมัยที่ยังผมยาวสไตล์เกาหลี หนุ่มเบ็คส์ คือดาวแห่งวงการลูกหนังอย่างแท้จริง เดินไปที่ไหนก็มีแต่สาวๆ ตามกรี๊ด แถมมาเตะบอลแม่นยิ่งกว่าจับวาง ก็เลยได้รับความนิยมมากเป็นทวีคูณ ส่วนรูปร่างไม่ต้องพูดถึง รายนี้รักษาสภาพความฟิตชนิดที่คนรุ่นราวคราวเดียวกันยังต้องอาย ถึงว่าทำไม "เจ๊วิค" ถึงหวงผัวนักหนา เพราะฟิตเปรี๊ยะแบบนี้นี่เอง ถึงได้หน้าอิ่มเอิบเหมือนได้ดื่มน้ำอมฤต

วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Uruguay 2-3 Netherlands

"อัศวินสีส้ม" ฮอลแลนด์ จัดการบดเอาชนะ "จอมโหด" อุรุกวัย 3-2 ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ โดยรอพบผู้ชนะระหว่าง "กระทิงดุ" สเปน หรือ "อินทรีเหล็ก" เยอรมนี ต่อไป



ศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบรองชนะเลิศ
ฮอลแลนด์ 3-2 อุรุกวัย


Hilight


Uruguay 2-3 Netherlands (Highlights)

Ricardo | MySpace Video




เบิร์ต ฟาน มาร์ไวจก์ ปรับหมากให้ "อัศวินสีส้ม" ฮอลแลนด์ 2 จุด คาลิด บูลาห์รุซ และ เดมี เดอ ซูว์ ถูกส่งลงมาแทน เกรกอรี ฟาน เดอร์ วีล กับ ไนเจล เดอ ยอง ที่ติดโทษแบน ส่วน โยริส มาไธจ์เซน หายเจ็บเข่ากลับมาประจำการในแผงรับ ขณะที่แนวรุกลุยกันพร้อมเพรียง เดิร์ก เคาท์, เวสลีย์ สไนเดอร์ และ อาร์เยน ร็อบเบน คอยปั้นเกมให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี ลุ้นสกอร์ ด้าน ออสการ์ วอชิงตัน ตาบาเรซ มีการปรับแท็คติกให้ "จอมโหด" อุรุกวัย เช่นกัน แผงหลัง ดีเอโก โกดิน ฟิตทดแทน ดีเอโก ลูกาโน ที่ติดโทษแบนพอดี ส่วน มาร์ติน คาเซเรส ได้สวมตำแหน่งแบ็กซ้ายแทน ฮอร์เก ฟูซิเล ที่โดนกัก เกมบุกดัน ดีเอโก ฟอร์ลัน ยืนล่าตาข่ายกับ เอดิสัน คาวานี เนื่องจาก หลุยส์ ซัวเรซ โดนใบแดงจากนัดก่อน แผงมิดฟิลด์มีการเติม วอลเตอร์ การ์กาโน ลงไปช่วยไล่บอล



"ฟอร์ลัน" ซัดตีเสมอก่อนจอมโหดพ่าย


เริ่มเกมการแข่งขัน อุรุกวัย พยายามครองบอลบุกก่อน แต่เป็น ฮอลแลนด์ ที่ได้เสียวตั้งแต่นาทีที่ 3 อาร์เยน ร็อบเบน ขึ้นมาทางขวาก่อนล็อกเปิดด้วยซ้ายไปหน้าประตู เฟอร์นานโด มุสเลรา ชกบอลทิ้งไม่ขาดมาเข้าทาง เดิร์ก เคาท์ ได้สับด้วยขวาในกรอบโทษบอลเหินข้ามคานไปแบบมีลุ้น ถัดมา "จอมโหด" ตัดบอลแดนกลางได้จาก มาร์ค ฟาน บอมเมล และทาง อัลวาโร เปไรรา ก็ตัดสินใจตะบันด้วยซ้ายจากบริเวณกลางสนามจะลักไก่ใส่ มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก แต่ก็หลุดกรอบไป ผ่าน 10 นาทีแรก "อัศวินสีส้ม" ได้โอกาสเหมาะจากการเคลียร์ไม่ขาดของแผงรับคู่แข่ง เวสลีย์ สไนเดอร์ ล็อกเข้ายิงด้วยขวาบริเวณหัวกะโหลก ทว่าบอลดันพุ่งไปชนตัว โรบิน ฟาน เพอร์ซี พวกเดียวกันเอง

หลังจากขึงเกมอยู่พักใหญ่ นาทีที่ 18 ฮอลแลนด์ ก็เบิกประตูนำ 1-0 เมื่อ โจวานนี ฟาน บรองฮอร์สท เติมขึ้นมาได้โอกาสกระหน่ำด้วยซ้ายข้างถนัดจากระยะประมาณ 35 หลา "จาบูลานี" พุ่งแหวกอากาศ มุสเลรา ปัดได้แค่ปลายนิ้วบอลกระแทกเสาเหลี่ยมในเข้าประตูไปอย่างสุดสวย


0-1 Van Bronckhorst 18'


Uruguay 0-1 Netherlands

Ricardo | MySpace Video




เก้านาทีถัดมา มาร์ติน คาเซเรส ลุยขึ้นมาจักรยานอากาศยิง แต่เท้าฟาดเข้าที่ใบหน้าของ เดมี เดอ ซูว์ อย่างจัง ทำให้นักเตะดัตช์ไม่พอใจกรูกันจะเข้าไปเอาเรื่อง ทำให้ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายทำท่าจะมีเรื่องกัน ยังดีที่ อิมาตอฟ ราฟชาน เชิ้ตดำจากอุซเบกิสถาน สามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ ด้วยการแจกใบเหลืองให้แบ็กซ้าย "จอมโหด" ขณะที่ สไนเดอร์ ก็โดนเช่นกันจากการปรี่เข้าไปจะเอาเรื่องคู่แข่ง

ครึ่งชั่วโมงพอดี "อัศวินสีส้ม" ลุยขึ้นมาอีกครั้ง ฟาน เพอร์ซี จ่ายให้ ร็อบเบน หลุดเข้ากรอบโทษจะยิงด้วยซ้ายแต่ คาเซเรส ตามลงมาบล็อกได้ทัน จากนั้นเป็น อุรุกวัย ที่โหมเข้าใส่ เอดิสัน คาวานี สลัดการประกบหลุดไปเกือบสุดเส้นหลังฝั่งขวาแต่ตบเข้ากลางโดนเคลียร์ทิ้งไป ถัดมา เอคิดิโอ อเรวาโล ลองส่องไกลทว่าไม่ได้สร้างปัญหาให้ มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก นาทีที่ 38 คาวานี ถ่างไปเล่นด้านข้างเปิดเข้าในให้ ดีเอโก ฟอร์ลัน ขวิดที่เสาแรกบอลหลุดเป้าหมาย แต่สามนาทีถัดมา อุรุกวัย ก็ไล่ตีเสมอเป็น 1-1 สำเร็จจากการยิงไกลด้วยซ้ายของ ฟอร์ลัน บอลพุ่งแรง สเตเคเลนเบิร์ก ทำได้แค่ปัดปลายมือเท่านั้น ท้ายครึ่งแรก ฟอร์ลัน ได้ซัดฟรีคิกจากระยะ 30 หลา คราวนี้นายด่านดัตช์ไม่ยอมพลาด จบ 45 นาทีแรกยังไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบเสียเปรียบกัน



1-1 Forlan 41'


Uruguay 1-1 Netherlands

Ricardo | MySpace Video


"สไนเดอร์" ซัลโวตามสไตล์ถนัด


ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง เบิร์ต ฟาน มาร์ไวจก์ เปลี่ยนเอา ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ลงมาเล่นแทน เดอ ซูว์ และก็เป็น ฮอลแลนด์ ที่พยายามขึงเกมรุกอีกครั้ง แต่ อุรุกวัย ช่วยเกมรับกันได้ดี นาทีที่ 49 สวนขึ้นมาป่วนจนแแผงหลังดัตช์พลาดปล่อยให้ คาวานี หลุดขึ้นมา สเตเคเลนเบิร์ก ต้องออกมาสไลด์สกัดจากนอกกรอบไม่พ้นอันตราย อัลวาโร เปไรรา ซัดด้วยซ้ายจากนอกกรอบ ฟาน บรองฮอร์สท ต้องโหม่งเคลียร์พ้นอันตรายไป หนึ่งชั่วโมงผ่านไปทั้งสองฝ่ายเริ่มกลับมาแลกกันอีกครั้ง "อัศวินสีส้ม" อาศัยการขึ้นเกมของ ร็อบเบน แต่จังหวะเปิดยังไม่เข้าทางเพื่อน ขณะที่ "จอมโหด" ให้ ฟอร์ลัน เดินเกมทว่าก็ยังประสานกับ คาวานี ได้ไม่มากเท่าที่ควร

นาทีที่ 66 อุรุกวัย ได้ฟรีคิกระยะหวังผล 30 หลาเยื้องมาทางซ้าย ฟอร์ลัน ตั้งป้อมปั่นด้วยขวาข้ามกำแพง สเตเคเลนเบิร์ก ต้องพุ่งไปชกทิ้งบริเวณโคนเสา สองนาทีถัดมา ฮอลแลนด์ พลาดโอกาสทองในการขึ้นนำอีกครั้งเมื่อ ฟาน เพอร์ซี แตะคืนให้ ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ซัดด้วยซ้าย มุสเลรา ปัดไม่พ้น ร็อบเบน วิ่งเข้ามาหวดด้วยขวาบอลโด่งเกินไป แต่แล้วนาทีที่ 70 "อัศวินสีส้ม" ก็ออกนำ 2-1 จนได้ สไนเดอร์ หาจังหวะยิงบริเวณเส้นโทษบอลแฉลบหว่างขา เมาริซิโอ วิคตอริโน กระดอนพื้นผ่านมือ มุสเลรา เข้าไปซุกก้นตาข่าย ทำให้เพลย์เมคเกอร์ดัตช์ซัดรวมเป็น 5 ประตู ขึ้นมานำดาวซัลโวร่วมกับ ดาบิด บีญา หัวหอก "กระทิงดุ" สเปน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว


1-2 Sneijder 71'


Uruguay 1-2 Netherlands

Ricardo | MySpace Video


จากนั้นประตูไหลมาทางดัตช์ที่ฉีกหนีเป็น 3-1 ในนาทีที่ 73 เมื่อ เดิร์ก เคาท์ โยนบอลจากกราบซ้ายเข้าใน ร็อบเบน โฉบตัดหน้า ดีเอโก โกดิน ขวิดบอลลงพื้นกระเด้งโคนเสาเข้าประตูไป ลูกนี้ มุสเลรา ได้แต่ใช้สายตาป้องกันเท่านั้น


1-3 Robben 73'


Uruguay 1-3 Netherlands

Ricardo | MySpace Video


เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย ออสการ์ วอชิงตัน ตาบาเรซ ถอดเอา ปาไรรา ออกไปพร้อมกับส่ง เซบาสเตียน อาบรู ลงมาช่วยเพื่อนทำสกอร์ในเวลาที่งวดลงทุกขณะ ช่วงทดเจ็บ อุรุกวัย ไล่มาเป็น 2-3 จาก มักซิมิลิอาโน เปไรรา แต่ครบ 90 นาที "อัศวินสีส้ม" ประคองตัวพิชิตชัยผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2010 ไปลุ้นแชมป์สมัยแรกในประวัติศาสตร์ วันที่ 11 กรกฎาคม 2553 รอพบผู้ชนะระหว่าง "กระทิงดุ" สเปน หรือ "อินทรีเหล็ก" เยอรมนี ส่วน "จอมโหด" ต้องชิงอันดับ 3 คืนวันเสาร์ที่ 10 ก.ค.นี้


2-3 Pereira 90'


Uruguay 2-3 Netherlands

Ricardo | MySpace Video



รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
ฮอลแลนด์ : มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก , คาลิด บูลาห์รุซ , จอห์นนี ไฮติงกา , โยริส มาไธจ์เซน , โจวานนี ฟาน บรองฮอร์สท , มาร์ค ฟาน บอมเมล , เดมี เดอ ซูว์ , อาร์เยน ร็อบเบน , เวสลีย์ สไนเดอร์ , เดิร์ก เคาท์ , โรบิน ฟาน เพอร์ซี

อุรุกวัย : เฟอร์นานโด มุสเลรา , มักซิมิลิอาโน เปไรรา , ดีเอโก โกดิน , เมาริซิโอ วิคตอริโน , มาร์ติน คาเซเรส , ดีเอโก เปเรซ , วอลเตอร์ การ์กาโน , เอคิดิโอ อเรวาโล , อัลวาโร เปไรรา , ดีเอโก ฟอร์ลัน , เอดิสัน คาวานี


"ฟอร์ลัน" ซัดตีเสมอก่อนจอมโหดพ่าย




"สไนเดอร์" ซัลโวตามสไตล์ถนัด

วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

4 ขุนพลทีมชาติไทย ประกาศหาเด็ก(อยาก)เทพ ร่วมทีมฟาดแข้งแมทช์พิเศษ ไนกี้ คัพ กรุงเทพ 2010 รอบชิงชนะเลิศ!!!



Nike Cup Bangkok 2010 Final

ผ่านไปทั้ง 9 สนามแล้ว สำหรับรอบคัดเลือกเพื่อหาทีมสตรีทฟุตบอล ของไนกี้ คัพ กรุงเทพ 2010

วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคมนี้ เตรียมพบกับนัดชิงชนะเลิศของสตรีทฟุตบอลในเมืองไทยที่ผู้ชนะจะได้บินไปฝึกสเต็ปเทพถึงบราซิล

นอกจากการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศแล้วและยังมีกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น



กิจกรรม เด็ก(อยาก)เทพ ที่ 4 นักบอลฟอร์มเทพทีมชาติไทยได้แก่ ลีซอ , ธีรศิลป์ แดงดา , อนาวิน จูจีน และณัฐพงษ์ สมณะ จะเปิดคัดตัวเพื่อนร่วมทีมฟอร์มเทพ ทั้งรุ่นอายุ 12 – 15 ปี 2 ทีม และ รุ่น 16 – 19 ปี เพื่อฟาดแข้งนัดพิเศษ ผู้ที่สนใจสามารถสมัครได้ที่สมัครได้ที่บูธกิจกรรมในวันที่ 11 กรกฎาคม เวลาบ่ายสองโมง ถ้าได้รับคัดเลือจะได้รับเสื้อเด็ก(อยากเทพ) พร้อมได้ร่วมทีมกับนักเตะทีมชาติทันที และสำหรับทีมที่ชนะเลิศในกิจกรรมนี้จะได้รับผลิตภัณฑ์จากไนกี้และโอกาสร่วมฝึกซ้อมกับทีมชาติไทย


Anawin



Nattapong



Theerasin



Theerathep






พบกับ Mini Concert จาก ศิลปิน Rock ชื่อดังในไทย ประกอบไปด้วย Retrospect, Paradox และ Moderndog พร้อมกับโชว์ Live Graffiti ที่จะมาเพ้นท์ให้เห็นกันสดๆ กิจกรรมแจกเสื้อยืดที่ออกแบบโดย Retrospect , Paradox และ Moderndog แบบ limited edition อีกด้วย

รับรองว่างานนี้ฟรีตลอดงาน พบกันได้ที่ โกดังช้าง เจริญกรุง 74/1 บ่าย 2 โมงเป็นต้นไป

สำหรับการเดินทางโดย BTS ท่านสามารถมาลงได้ที่ สถานีรถไฟฟ้าสะพานตากสิน โดยจะมีรถรับส่งเข้ามาภายในสถานที่จัดงาน

กิจกรรมดีๆ แบบนี้พร้อมทั้งโอกาสที่จะได้ร่วมทำศึกกับนักเตะทีมชาติไทยแบบนี้ ไม่สามารถหามาได้ง่ายๆ บอกได้คำเดียวว่าห้ามพลาด









ที่มา : http://inside.nike.com/blogs/nikefootball-th_TH/2010/07/01/nike-cup-bangkok-2010-final
วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Paraguay 0 - 1 Spain

ดาบิด บียา เป็นฮีโรซัดประตูชัยนาที 82 ช่วยให้ "กระทิงดุ" สเปน เฉือนเอาชนะ ปารากวัย 1-0 ผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือกไปพบกับ "อินทรีเหล็ก" เยอรมนี ศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

ศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบก่อนรองชนะเลิศ
ปารากวัย 0-1 สเปน

hilight

Highlights Paraguay vs Spain

Perry | MySpace Video



ศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ รอบก่อนรองชนะเลิศ คู่ระหว่าง ปารากวัย พบกับ สเปน ที่สนามเอลลิส พาร์ค ในเมืองโจฮันเนสเบิร์ก เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดย เคราร์โด มาร์ติโน โค้ชปารากวัย มีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นถึง 6 คนจากเกมนัดที่แล้วและเปลี่ยนจากระบบ 4-3-3 มาเล่น 4-4-2 แทน เนลสัน วัลเดซ ยืนหน้าคู่กับ ออสการ์ คาร์โดโซ ทางฝั่ง บีเซนเต เดล บอสเก กุนซือสเปน ใช้ผู้เล่นชุดเดิม เฟร์นานโด ตอร์เรส ยืนหน้าเป้า มี ดาบิด บียา และ อันเดรส อิเนียสตา ทำเกมริมเส้น
เปิดฉากครึ่งแรกไม่ถึงนาที ปารากวัย ได้ทักทายก่อนจากจังหวะที่ เนลสัน วัลเดซ จ่ายบอลให้ โจนาธาน ซานตานา หลุดขึ้นมายิงบริเวณกรอบเขตโทษบอลไปตรงตัว อีเคร์ กาซิยาส รับเข้าซอง แต่หลังจากนั้นทั้งสองทีมเล่นกันอย่างระมัดระวังจนมีโอกาสลุ้นทำประตูคู่แข่งไม่มากนัก

โดย สเปน เป็นฝ่ายครองบอลได้เหนือกว่า แต่เจอความเหนียวแน่นของแนวรับ ปารากวัย จนลุ้นยิงประตูแบบชัดเจนไม่ได้ ต้องรอกระทั่งนาที 28 จึงมาได้โอกาสแบบใกล้เคียงที่สุดเมื่อ ชาบี อลอนโซ ตัดบอลได้จากคู่แข่ง ก่อนจ่ายมาให้ ชาบี เฮอร์นานเดซ กลับตัววอลเลย์บริเวณหน้าเขตโทษข้ามคานออกไปนิดเดียว

เกมดำเนินไปแบบอึดอัดจนเข้าสู่ช่วง 5 นาทีสุดท้าย ปารากวัย เกือบเป็นฝ่ายทำประตูออกนำจากจังหวะฟรีคิกทางกราบขวา ก่อนที่ วัลเดซ จะได้บอลในเขตโทษแบบไม่มีใครประกบแล้วซัดสวนตัว กายิซาส ตุงตาข่าย แต่ถูกผู้กำกับเส้นยกธงล้ำหน้า เนื่องจาก ออสการ์ คาร์โดโซ ล้ำหน้าจังหวะก่อนหน้านี้ สุดท้ายจบ 45 นาทีแรกทั้งสองทีมเสมอกันอยู่ 0-0

เกมครึ่งหลัง สเปน มาพลาดเสียจุดโทษเมื่อเกมผ่านมาถึงนาที 57 เมื่อ เคราร์ด ปีเก ไปดึงแขน คาร์โดโซ ล้มลงในเขตโทษ ก่อนที่ คาร์โดโซ จะลุกขึ้นมารับหน้าที่สังหารเอง แต่ปรากฎว่า กาซิยาส เดาถูกทางสามารถล้มตัวรับได้ทำให้ "กระทิงดุ" ยังไม่ตกเป็นฝ่ายตามหลังก่อน


อีก 2 นาทีถัดมา เป็นทาง สเปน ที่มาได้จุดโทษบ้างจากการที่ ดาบิด บียา ถูก อันโตลิน อัลคาราซ ชนล้มลงในเขตโทษและ อลอนโซ รับหน้าที่สังหาร มิดฟิลด์รีล มาดริด ยิงครั้งแรกส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายเรียบร้อยไป แต่กรรมการมองว่ามีเพื่อนร่วมทีมวิ่งเข้ามาในกรอบเขตโทษก่อนจึงให้ยิงใหม่ และครั้งที่สอง อลอนโซ ดันยิงไปติดเซฟ ยุสโต บียาร์ พลาดทำสกอร์ออกนำไป

หลังจากพลาดโอกาสทำประตูลูกทีมของ เดล บอสเก เดินหน้าทำเกมบุกต่อ มาถึงนาที 64 ในจังหวะโต้กลับเร็ว อันเดรส อิเนียสตา ได้สับไกด้วยขวาบริเวณเส้นเขตโทษถูก บียาร์ พุ่งปัดทิ้งออกหลังไป หลังจากนั้นนาที 74 กองหลังปารากวัยเคลียร์บอลไม่ขาด บอลกระดอนมาเข้าทาง ชาบี ตะบันจากนอกเขตโทษหลุดเสาสองออกไปนิดเดียว

กระทั่งนาที 82 ความพยายามของ สเปน ก็มาประสบผลสำเร็จจากจังหวะที่ อิเนียสตา กระชากบอลขึ้นมาหน้าเขตโทษ ก่อนจ่ายให้ เปโดร ตัวสำรองที่ลงมาในช่วงครึ่งหลัง ซัดจังหวะแรกไปชนเสา แต่บอลยังมาเข้าทาง บียา ตามซ้ำดาบสองไม่พลาดให้แชมป์ยูโร 2008 ขยับสกอร์ออกนำ 1-0

0-1 David Villa 83' // Download


Paraguay 0-1 Spain

Perry | MySpace Video



ช่วง 5 นาทีสุดท้ายทั้งสองทีมมีโอกาสลุ้นประตูฝั่งละครั้ง โดย ปารากวัย ได้ลุ้นจากสองกองหน้าตัวสำรอง ลูคัส บาร์ออส และ โรเก ซานตา ครูซ แต่ทั้งสองคนยิงไปติดเซฟ กาซิยาส ส่วน สเปน มาได้ลุ้นจาก บียา อีกครั้ง แต่ดาวยิงบาร์เซโลนาซัดไม่ผ่านมือนายด่านคู่แข่งเช่นกัน สุดท้ายไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิ่มได้จบ 90 นาที สเปน เฉือนชนะไป 1-0 ผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือกไปพบกับ "อินทรีเหล็ก" เยอรมนี ในวันที่ 7 กรกฎาคมนี้

รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
ปารากวัย : ยุสโต บียาร์, ดาริโอ เวรอน, อันโตลิน อัลคาราซ, เปาโล ดา ซิลวา, เคลาดิโอ โมเรล โรดริเกซ, คริสเตียน ริเวรอส, วิคเตอร์ คาเซเรส, เอดการ์ บาร์เรโต, โจนาธาน ซานตานา, เนลสัน วัลเดซ, ออสการ์ คาร์โดโซ
สเปน : อีเคร์ กาซิยาส, เซร์คิโอ รามอส, คาร์เลส ปูโยล, เคราร์ด ปีเก, โจน คัพเดบียา, ชาบี, เซร์คิโอ บุสเกตส์, ชาบี อลอนโซ, อันเดรส อิเนียสตา, ดาบิด บียา, เฟร์นานโด ตอร์เรส
ออสการ์ คาร์โดโซ่ ยิงจุดโทษไปติดเซฟของ อีเกร์ กาซียาส





ชาบี อลอนโซ่ ซัดจุดโทษพลาดไปโดน ฮุสโต้ วีย่าร์ เซฟไว้ได้เช่นกัน



ดาบิด บีย่า ซัดประตูชัยให้ กระทิงดุ ชนะ 1-0 ทะลุรอบตัดเชือก


Argentina 0-4 Germany

มิโรสลาฟ โคลเซ เหมาคนเดียวสองประตูช่วยให้ "อินทรีเหล็ก" เยอรมนี ถล่มเอาชนะ "ฟ้า-ขาว" อาร์เจนตินา ขาด 4-0 เขี่ยลูกทีมของ ดีเอโก มาราโดนา ตกรอบก่อนรองชนะเลิศ ศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา





ผลฟุตบอลโลก 2010 รอบก่อนรองชนะเลิศ
อาร์เจนตินา 0-4 เยอรมนี

hilight

Highlights Argentina 0-4 Germany

Perry | MySpace Video



ศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ รอบก่อนรองชนะเลิศ คู่ระหว่าง "ฟ้า-ขาว" อาร์เจนตินา อดีตแชมป์โลก 2 สมัย พบกับ "อินทรีเหล็ก" เยอรมนี อดีตแชมป์โลก 3 สมัย ที่สนามกรีน พอยน์ สเตเดียม ในเมืองเคป ทาวน์ เมื่อวันเสาร์ที่ 3 กรกฏาคมที่ผ่านมา โดย ดีเอโก มาราโดนา โค้ชอาร์เจนตินา ได้ ลีโอเนล เมสซี ดาวยิงตัวเก่งหายจากไข้หวัดฟิตกลับมาลงสนาม ส่วน โยอาคิม เลิฟ กุนซือเยอรมนี ยังใช้ผู้เล่นชุดเดิมจากนัดก่อนที่เอาชนะ อังกฤษ โดยมี บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ เดินเกมตรงกลาง

เปิดฉากครึ่งแรกไม่ถึง 3 นาที เยอรมนี เป็นฝ่ายทำประตูออกนำ 1-0 อย่างรวดเร็วจากลูกฟรีคิกทางกราบซ้าย บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ โยนบอลเข้าไปในเขตโทษ โธมัส มุลเลอร์ โฉบตัดหน้าแผงหลังอาร์เจนไตน์โหม่งเช็ดเข้าประตูไป

Thomas Müller 3' // Download


Argentina 0-1 Germany

Perry | MySpace Video




"ฟ้า-ขาว" พยายามใช้เกมสวนกลับเร็วเข้าโจมตีแนวรับของ "อินทรีเหล็ก" แต่ไม่สามารถหาโอกาสยิงประตูแบบชัดเจนได้ กลายเป็น เยอรมนี เกือบขยับสกอร์หนีห่างออกไปอีกในนาที 23 เมื่อ ไฮน์เซ สกัดบอลพลาดจนถูก มุลเลอร์ แตะบอลเข้าไปในเขตโทษ ก่อนผ่านมาให้ โคลเซ ซัดด้วยขวาข้ามคานออกไป

กว่าที่ อาร์เจนตินา จะยิงเข้ากรอบครั้งแรกของเกมต้องรอกระทั่งนาที 32 เมื่อ อังเคล ดิ มาเรีย ได้บอลในเขตโทษ ก่อนโยกหลอกแผงหลัง เยอรมนี แล้วยิงเรียดไปตรงตัว มานูเอล นอยเออร์ หลังจากนั้นอีก 2 นาที กอนซาโล อีกัวอิน ได้ซัดในเขตโทษเช่นกัน แต่ไม่ผ่านมือ นอยเออร์ เหมือนเดิม

เกมมาถึงนาที 37 คาร์ลอส เตเบซ ได้บอลหลุดเข้ามาในเขตโทษ ก่อนถวายพานให้ อีกัวอิน แปบอลง่ายๆเข้าประตูไป แต่ถูกผู้กำกับเส้นยกธงล้ำหน้าไปตั้งแต่จังหวะได้บอลของ เตเบซ อีก 2 นาทีถัดมา ลูคัส โพดอลสกี สับด้วยซ้ายจากนอกเขตโทษ บอลเลี้ยวหลุดโคนเสาออกไปเล็กน้อย หลังจากนั้นทั้งสองทีมไม่สามารถบวกสกอร์เพิ่มได้จบ 45 นาทีแรกไป

เกมครึ่งหลัง มาราโดนา สั่งลูกทีมบุกใส่ทันทีและผ่านมาถึงนาที 48 ดิ มาเรีย ได้ส่องจากนอกเขตโทษ บอลหลุดเสาสองออกไปนิดเดียว ก่อนที่ "ฟ้า-ขาว" จะมาได้ลุ้นอีกครั้งในนาที 62 จากลูกยิงไกลระยะประมาณ 25 หลาของ เตเบซ แต่บอลไปตรงตัว นอยเออร์ รับเข้าซอง

อาร์เจนตินา กดดันต่อเนื่องมาถึงนาที 63 ลีโอเนล เมสซี จ่ายบอลเข้าเขตโทษให้ อีกัวอิน สอดมายิงมุมแคบติดบล็อก นอยเออร์ ออกหลัง แต่เกมมาถึงนาที 68 กลายเป็น เยอรมนี มาทำสกอร์หนีห่างเป็น 2-0 จากจังหวะโต้กลับเร็ว ก่อนที่ มุลเลอร์ ล้มตัวตวัดบอลมาให้ โพดอลสกี หลุดเดี่ยวเข้ามาในเขตโทษแล้วถวายพานให้ โคลเซ แตะบอลเข้าประตูไปแบบง่ายๆ

Miroslav Klose 68' // Download

Argentina 0-2 Germany

Perry | MySpace Video




"อินทรีเหล็ก" ได้ใจยังเดินหน้าบุกต่อกระทั่งนาที 74 ก็ขยับสกอร์ห่างเป็น 3-0 จากการเล่นลูกเตะมุมสั้น ก่อนที่ ชไวน์สไตเกอร์ จะใช้ความสามารถเฉพาะตัวกระชากบอลแหวกกองหลัง "ฟ้า-ขาว" จนหลุดไปถึงเส้นหลังแล้วผ่านบอลมาให้ อาร์เน ฟรีดริช ชาร์จเสาแรกส่งบอลซุกก้นตาข่ายไป

Arne Friedrich 74' // Download

Argentina 0-3 Germany

Perry | MySpace Video


โทนี โครส ตัวสำรองที่เพิ่งลงสนามมาไม่นานของ เยอรมนี ลองตะบันจากระยะประมาณ 20 หลาในนาที 82 ให้ เซร์คิโอ โรเมโร ต้องออกแรงทุบบอลทิ้งออกไปอีกครั้ง ด้าน เมสซี พยายามหาประตูแรกของตัวเองในศึกฟุตบอลโลกด้วยการซัดไกลในนาที 85 แต่บอลก็ไปตรงตัวของ นอยเออร์ รับเข้าซองอีกเหมือนเดิม

ก่อนหมดเวลา 2 นาที โคลเซ มาบวกประตูที่สองของตนในเกมนี้และเป็นประตูที่ 14 ของตนเองในฟุตบอลโลกเป็นรองเพียงสถิติสูงสุดของ โรนัลโด กองหน้าทีมชาติบราซิลเพียงประตูเดียว เมื่อแปบอลจากลูกเปิดของ เมซุต โอซิล เข้าสู่ก้นตาข่ายอย่างสวยงาม จนช่วยให้ เยอรมนี ถล่มเอาชนะ อาร์เจนตินา ไปแบบขาดลอย 4-0 พร้อมผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือกไปรอพบผู้ชนะระหว่าง สเปน หรือ ปารากวัย

Miroslav Klose 89' // Download

Argentina 0-4 Germany

Perry | MySpace Video


รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
เยอรมนี : มานูเอล นอยเออร์, ฟิลิปป์ ลาห์ม, แพร์ มาเตซัคเกอร์, อาร์เน ฟรีดริช, เจอโรม บัวเต็ง, ซามี เคดิรา, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, โธมัส มุลเลอร์, เมซุต โอซิล, ลูคัส โพดอลสกี, มิโรสลาฟ โคลเซ
อาร์เจนตินา : เซร์คิโอ โรเมโร, นิโคลัส ออตตาเมนดี, มาร์ติน เดมิเชลิส, นิโคลัส บูร์ดิสโซ, กาเบรียล ไฮน์เซ, มักซี โรดริเกซ, ฮาเวียร์ มาสเชราโน, อังเคล ดิ มาเรีย, ลีโอเนล เมสซี, คาร์ลอส เตเบซ, กอนซาโล อีกัวอิน
วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Uruguay 1 - 1 Ghana (Pen. 4-2)

"จอมโหด" อุรุกวัย ผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือก ศึกฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปี เมื่อดวลจุดโทษเอาชนะ "ดาวดำ" กานา 4-2 หลังจากเสมอกันในเวลา 120 นาที 1-1 ในเกมรอบก่อนรองชนะเลิศ ศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา






ผลฟุตบอลโลก 2010 รอบก่อนรองชนะเลิศ
อุรุกวัย 1-1 กานา
(ครบ 120 นาทียังเสมอ 1-1 อุรุกวัย ชนะจุดโทษ 4-2)

Hilight

Highlights Ghana1-1 Uruguay

Perry | MySpace Video




ศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ รอบก่อนรองชนะเลิศ คู่ระหว่าง "จอมโหด" อุรุกวัย อดีตแชมป์โลก 2 สมัย พบกับ "ดาวดำ" กานา หนึ่งเดียวที่เหลือยู่จากทวีปแอฟริกาใต้ ที่สนามซ็อคเกอร์ ซิตี สเตเดียม ในเมืองโจฮันเนสเบิร์ก เมื่อวันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม โดย ออสการ์ ทาบาเรซ กุนซืออุรุกวัย จัดทัพ 4-4-2 มี ดีเอโก ฟอร์ลัน ยืนล่าตาข่ายร่วมกับ หลุยส์ ซัวเรซ ทางฝั่ง มิโลวาน ราเยวัช โค้ชกานา วางระบบ 4-3-3 มี อาซาโมอาห์ กียาน ซึ่งยิงไปแล้ว 4 ประตูยืนหน้าเป้าเหมือนเดิม

เริ่มครึ่งแรกเป็น อุรุกวัย ทำเกมเหนือกว่าในช่วงต้น ผ่านมาถึงนาที 10 มีโอกาสลุ้นก่อนจากจังหวะที่ ซัวเรซ ได้บอลทางริมเขตโทษด้านซ้าย ก่อนใช้ความสามารถเฉพาะตัวเลี้ยงฝ่ากองหลังของ กานา จนได้ซัดมุมแคบติดเซฟ คิงสัน หลังจากนั้นนาที 17 ฟอร์ลัน เปิดลูกเตะมุมมาโดนหน้าอก เมนซาห์ กองหลัง "ดาวดำ" กระดอนจะเข้าประตูตัวเอง แต่ คิงสัน ปฏิกิริยาเร็วทุบทิ้งออกมาได้

"จอมโหด" เดินหน้าบุกต่อมาถึงนาที 24 คาวานี ตัดบอลได้บริเวณกลางสนามจนกระชากขึ้นมาหน้าเขตโทษ มีการต่อบอลกัน 2-3 จังหวะก่อนที่สุดท้าย ฟอร์ลัน ได้สับไกด้วยขวาเหินข้ามคานออกไป อีก 2 นาทีถัดมา ซัวเรซ ได้บอลจากลูกทุมของ ฟูซิเล ก่อนพลิกหนีแนวรับคู่แข่งแล้วส่องด้วยขวาบริเวณเส้นเขตโทษถูก คิงสัน ปัดทิ้งออกไปด้วยปลายมือ

กระทั่งเกมผ่านครึ่งชั่วโมงแรก กานา เริ่มตั้งเกมของตัวเองและมีโอกาสลุ้นประตูครั้งแรกเมื่อ มุนตารี โยนบอลจากลูกเตะมุมมาเข้าหัว เมนซาห์ โขกทางเสาสองหลุดสามเหลี่ยมออกไปนิดเดียว นาทีถัดมา "ดาวดำ" ได้โอกาสโต้กลับเร็ว บัวเต็ง แตะบอลหนีกองหลังอุรุกวัย ก่อนผ่านบอลให้ กียาน ซัดตรงกรอบเขตโทษหลุดโคนเสาเล็กน้อย

กียาน ลองสับไกจากระยะประมาณ 35 หลาในนาที 42 แต่บอลไปตรงตัว มุสเลรา รับเข้าซองสบาย อีก 2 นาทีถัดมา อินคูม ทำเกมขึ้นมาทางขวา ก่อนโยนบอลมาให้ บัวเต็ง จักรยานอากาศเหินข้ามคานออกไปอีก กระทั่งช่วงทดเวลาบาดเจ็บ "ดาวดำ" ก็มาได้ประตูออกนำ 1-0 สำเร็จจากลูกยิงไกลกว่า 30 หลา บอลพุ่งแรงผ่านมือ มุสเลรา ตุงตาข่าย หลังจากนั้นจบ 45 นาทีแรก

1-0 Sulley Muntari 45' // Download


Ghana 1-0 Uruguay

Perry | MySpace Video


เกมครึ่งหลัง อุรุกวัย ทำเกมบุกอยู่พักใหญ่ๆ กระทั่งนาที 55 ก็สามารถตามตีเสมอ 1-1 จากลูกฟรีคิกระยะประมาณ 20 หลาเยื้องไปทางซ้าย ฟอร์ลัน ซัดด้วยขวาส่งบอลข้ามกำแพงพุ่งผ่านมือ คิงสัน เข้าไปอย่างสวยงาม ด้าน กานา มีลุ้นทำสกอร์ออกนำอีกครั้งเช่นกันใน 2 นาทีถัดมา เมื่อทีมได้สวนกลับเร็ว ก่อนที่ บัวเต็ง จ่ายบอลให้ กียาน สับไกบริเวณเส้นเขตโทษ บอลพุ่งแรงจน มุสเลรา รับไม่อยู่ แต่ยังดีมีเพื่อนร่วมทีมตามมาเคลียร์ออกไปทัน

1-1 Diego Forlán 55' // Download


Ghana 1-1 Uruguay

Perry | MySpace Video



เกมผ่านหนึ่งชั่วโมง อุรุกวัย เริ่มทำเกมบุกกดดันได้อย่างต่อเนื่อง มาถึงนาที 62 ฟอร์ลัน หลุดขึ้นมาทางด้านซ้ายจนสุดเส้นหลัง ก่อนโยนบอลไปทางเสาไกลให้ ซัวเรซ วิ่งมาวอลเลย์ไม่ตรงกรอบ อีก 8 นาทีถัดมา ฟูซิเล เติมสูงขึ้นมาทางฝั่งซ้าย ก่อนไหลบอลให้ ซัวเรซ หลุดเข้าไปซัดมุมแคบจน คิงสัน ต้องออกแรงปัดทิ้งออกหลังไป

ฟอร์ลัน มีโอกาสยิงฟรีคิกอีกครั้งในนาที 73 จากระยะกว่า 30 หลา บอลพุ่งแรงหลุดโคนเสาไปนิดเดียว อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นแนวรับของ กานา ก็สามารถยันไม่ให้ทีมเสียประตูได้จบ 90 นาทีทั้งสองทีมเสมอกัน 1-1 ต้องเข้าไปวัดกันในช่วงต่อเวลาอีก 30 นาที

ช่วงต่อเวลาพิเศษเป็น กานา ที่ทำเกมได้ดีกว่าและเกือบได้ประตูชัยในช่วงก่อนหมดเวลาไม่ถึงนาทีจากลูกจุดโทษที่ ซัวเรซ เจตนาปัดบอลจากเส้นประตูของตัวเองและกองหน้าจากอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ถูกใบแดงไปด้วย แต่ กียาน กลับยิงไม่เข้าซัดบอลไปชนคานจน "ดาวดำ" พลาดโอกาสคว้าชัยชนะไป สุดท้ายจบ 120 นาทีเสมอกันอีก 1-1 ต้องไปดวลจุดโทษเพื่อตัดสินผู้ชนะ


คลิปซัวเรซใช้มือปัดบอลช่วงต่อเวลาพิเศษ และการยิงจุดโทษ







ปรากฎว่า เมนซาห์ และ อาดิยาห์ คนยิงที่ 3 และ 4 ของ กานา ซัดไปติดเซฟของ มุสเลรา ขณะที่ อุรุกวัย แม้จะพลาดเช่นกันจาก เปไรรา คนที่ 4 ที่ยิงเหินข้ามคาน แต่ เซบาสเตียน อาบรู ดาวยิงตัวเก๋าซัดปิดท้ายไม่พลาดให้ อุรุกวัย เอาชนะไป 4-2 ผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือกเป็นครั้งแรกของทีมในรอบ 40 ปีไปดวลกับ "อัศวินสีส้ม" เนเธอร์แลนด์ ที่เฉือนชนะ "แซมบ้า" บราซิล 2-1 ในวันที่ 6 กรกฏาคมนี้

บรรยากาศการดวลจุดโทษ


รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
อุรุกวัย : เฟร์นานโด มุสเลรา, แม็กซิมิเลียโน แปร์ไรรา, ดีเอโก ลูกาโน, เมาริซิโอ วิคตอริโน, ฮอร์เก ฟูซิเล, เอกิดิโอ อาเรวาโล, ดีเอโก เปเรซ, อัลวาโร เฟร์นานเดซ, ดีเอโก ฟอร์ลัน, หลุยส์ ซัวเรซ, เอดินสัน คาวานี
กานา : ริชาร์ด คิงสัน, ซามูเลอ อินคูม, จอห์น พานท์ซิล, จอห์น เมนซาห์, ไอแซค วอร์ซาห์, ฮานส์ ซาร์เป, แอนโธนีย์ อันนัน, ควัดโว อาซาโมอาห์, ซัลลีย์ มุนตารี, เควิน-พรินซ์ บัวเต็ง, อาซาโมอาห์ กียาน

Netherlands 2 - 1 Brazil

เหล่าบรรดาแฟนบอลบราซิล มีอันต้องซึมกันเป็นแถบ หลังจากที่แซมบ้าได้ประตูออกนำไปก่อน 1-0 ในครึ่งแรกจากผลงานของ โรบินโญ่ แต่ว่าเมื่อกลับมาเล่นในครึ่งหลัง ฮอลแลนด์ กลับมาโชว์ฟอร์มดีไล่ยิงทีเดียว 2 ลูกรวดจากการทำเข้าประตูตัวเองของ เฟลิเป้ เมโล่ และลูกโขกเผาขนของ เวสลี่ย์ สไนเดอร์ ช่วยให้ ดัตช์แมน ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2010 เมื่อคืนที่ผ่านมา






บอลโลก 2010


รอบ 8 ทีมสุดท้าย


วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม 2553


บราซิล 1 - 2 ฮอลแลนด์

สนาม : เนลสัน แมนเดล่า เบย์ สเตเดี้ยม, พอร์ท เอลิซาเบท



เกมคู่แรกของรอบแปดทีมสุดท้ายเป็นเกมซูเปอร์อภิมหาบิ๊กแมตช์ระหว่าง บราซิล แชมป์โลก 5 สมัย ที่ถล่มสอนบอล ชิลี 3-0 มาในเกมที่แล้ว ปะทะ ฮอลแลนด์ ที่ชนะมา 4 เกมรวดในฟุตบอลโลกครั้งนี้ และยังเป็นการเจอกันครั้งแรกของทั้งสองชาติในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย นับตั้งแต่ 12 ปีก่อนที่ บราซิล ดวลจุดโทษชนะ ฮอลแลนด์ ไปได้ในรอบตัดเชือกในศึก ฟร้องซ์ 98 ซึ่ง ดุงก้า กุนซือทีม "แซมบ้า" คนปัจจุบันเป็นหนึ่งในนักเตะที่ยิงจุดโทษเข้าไปในเกมนั้น ขณะที่ฝั่ง ฮอลแลนด์ ก็มี แฟร้งค์ เดอ บัวร์ ผู้ช่วยของ เบิร์ต ฟาน มาร์ไวค์ เป็นหนึ่งในนักเตะในเกมนั้นด้วย

"กังหันลม" ฮอลแลนด์ ปรับทัพแค่ตำแหน่งเดียวคือส่ง อังเดร ออยเยอร์ กองหลังจอมเก๋าลงมาแทน โยริส มาไธจ์เซ่น ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บเข่าก่อนเริ่มเกมไม่กี่นาที นอกนั้นยึดชุดเดิมทั้งหมด นำทัพมาโดย อาร์เยน ร็อบเบน และ เวสลี่ย์ สไนเดอร์ สองขุนพลตัวเก่งที่ทำประตูได้ในเกมที่แล้ว

ด้าน บราซิล ที่วันนี้มาในชุดสีน้ำเงินเป็นครั้งแรกในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ได้ เฟลิเป้ เมโล่ กลับมายืนเป็นตัวคุมเกมคู่กับ จิลแบร์โต้ ซิลวา แต่ยังขาด เอลาโน่ ที่อาการบาดเจ็บกระดูกเท้าขวายังไม่ทุเลาลง ที่เหลือจัดทัพชุดใหญ่เต็มสตีม

เริ่มเกมมาเป็น บราซิล ที่ไม่พูดพล่ำทำเพลง เปิดฉากเดินเกมบุกใส่ทันที และเพียงนาทีที่ 8 ก็สามารถส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายได้สำเร็จจากการยิงของ โรบินโญ่ แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินจากแดนอาทิตย์อุทัยกลับยกธงเป็นลูกล้ำหน้าไปในจังหวะก่อนหน้านี้ที่ โรบินโญ่ ทำชิ่งกับ ดาเนียล อัลเวส แล้ว ทำเอานักเตะบราซิลเฮดีใจเก้อ

ทว่าถัดมาอีกแค่ 2 นาที บราซิล ก็มาขึ้นนำได้สำเร็จ จากการจ่ายบอลทะลุแผงหลัง "กังหันลม"มาทั้งแผงของ เมโล่ มาให้ โรบินโญ่ หลุดไปดวลเดี่ยวก่อนยิงสวนผ่าน มาร์เตน สเตเคเลนเบิร์ก เข้าไปตุงตาข่ายนิ่มๆ ส่งผลให้ บราซิล ขึ้นนำ 1-0


จังหวะการหลุดเข้าไปทำประตูของโรบินโญ่พาแซมบ้าขึ้นนำไปก่อน





ฮอลแลนด์ เริ่มเขี่ยลูกเล่นเกมขึ้นมาใหม่ได้นาทีเดียว เดิร์ค เค้าท์ ทำให้ กังหันลม มีลุ้นครั้งแรก เมื่อเลี้ยงตัดจากซ้ายเข้ามาก่อนตั้งป้อมอัดไกลนอกกรอบบีบให้ ชูลิโอ เซซาร์ ต้องทุบออกหลังไป

นาทีที่ 14 ยูอิจิ นิชิมูระ ผู้ตัดสินจาก ญี่ปุ่น มาควักใบเหลืองแรกของเกมให้แก่ จอห์นนี่ ไฮติงก้า ที่เข้าไปอัด หลุยส์ ฟาเบียโน่ จนคว่ำ

นักเตะ "เซเลเซา" ยังครองบอลเดินเกมบุกได้ดีกว่าคู่แข่ง และเกือบมาได้จากลูกที่ อัลเวส ตวัดเข้ากลางมาให้ ฮวน กองหลังเติมขึ้นมายิงข้ามคานออกไป

ผ่านมาถึงครึ่งชั่วโมงของเกมพอดี กาก้า น่าจะเบิกสกอร์แรกของตัวเองในฟุตบอลโลกครั้งนี้ได้สำเร็จ จากการขึ้นเกมมาของ โรบินโญ่ ที่แหวกผ่านนักเตะ ฮอลแลนด์ มาสองคน ก่อนปาดเรียดเข้ากลางมา ฟาเบียโน่ ตอกส้นกลับให้ กาก้า แต่งหาจังหวะปั่นไซด์นอกกรอบ บอลกำลังจะหมุดลงเข้าไป แต่ สเตเคเลนเบิร์ก บินปัดออกได้อย่างยอดเยี่ยม

นาทีที่ 35 สไนเดอร์ มาได้ยิงฟรีคิกไกล แต่บอลพุ่งไปตรงตัว เซซาร์ ที่ยืนถูกตำแหน่ง และ มิเชล บาสโต๊ส ก็มาโดนใบเหลืองเป็นคนที่สองของเกม เมื่อไปทำฟาวล์ ร็อบเบน บริเวณริมเส้นฝั่งซ้าย ทำเอา ดุงก้า ที่ยืนลุ้นลูกทีมอยู่ข้างสนามโวยลั่นไม่เห็นด้วย

ช่วงท้ายครึ่งแรกยังเป็นฝ่าย บราซิล ที่มามีลุ้นอีกครั้งจากการเติมขึ้นมายิงของ ไมค่อน ที่วิ่งเข่ามาอัดเต็มแรงไปเข้าข้างตาข่าย และจบครึ่งแรกไปด้วยการที่ บราซิล ออกนำ ฮอลแลนด์ 1-0

น.50 ฮอลแลนด์ ได้ลุ้นในครึ่งหลังเมื่อ เวสลี่ย์ สไนเดอร์ ได้ซัดด้วยขวาจากหน้ากรอบโทษแต่บอลหลุดกรอบออกไป

น.53 อัศวินสีส้ม ตามตีเสมอได้สำเร็จจากจังหวะที่ เวสลี่ย์ สไนเดอร์ เปิดบอลเข้าไปในกรอบโทษ เฟลิเป้ เมโล่ โหม่งสกัดพลาดบอลเข้าประตูตัวเองเป็น 1-1

การเปิดของ เวสลี่ย์ สไนเดอร์ กดดันให้ เฟลิเป้ เมโล่ ทำเข้าประตูตัวเอง ทำให้อัศวินสีส้มตีเสมอได้สำเร็จ




น.68 ฮอลแลนด์ มาได้ประตูพลิกขึ้นนำเป็น 2-1 จากลูกเตะมุม ร็อบเบน เปิดบอลเข้าไปที่เสาใกล้ เดิร์ค เค้าท์ โหม่งตั้งไปเสาสองให้ เวสลี่ย์ สไนเดอร์ โขกเสียบตาข่ายไม่เหลือซาก


เวสลี่ย์ สไนเดอร์ โขกเสียบตาข่ายทำประตูชัยให้ฮอลล์แลนด์




และแล้วนาทีที่ 73 เฟลิเป้ เมโล่ ก็มาโดนใบแดงไล่ออกจากสนามไป เมื่อไปสอย ร็อบเบน จนร่วงและแถมย่ำซ้ำลงไปที่ต้นขาของ ร็อบเบน อีก ทำให้ผู้ตัดสิน ยูอิจิ นิชิมูระ ไม่ลังเลควักใบแดงไล่ออกจากสนามไปทันที ทำให้ในเกมนี้ เมโล่ ทำเข้าประตูตัวเองไปหนึ่งลูดและโดนใบแดงไปอีกด้วย

ดุงก้า มาสร้างความประหลาดใจให้แฟนบอล แซมบ้า ทั่วโลก เมื่อตัดสินใจส่ง นิลมาร์ ลงไปแทน หลุยส์ ฟาเบียโน่ กองหน้าตัวเก่งอย่างไม่น่าเชื่อ

บราซิล พยายามโหมเกมรุกเต็มที่ แต่ก็ไม่มีโอกาสส่องจังๆมากนัก แถมเกือบมาถูกฝังลงหลุมจากลูกสวนกลับที่ ฟาน เพอร์ซี่ ไหลคืนมาให้ ชไนเดอร์ เติมมายิงไปติดการป้องกันของ เซซาร์ นิดเดียว

กาก้า น่าจะมาทำประตูตีเสมอให้ แซมบ้า ได้ในนาทีที่ 84 เมื่อพลิกบอลสปีดหนีกองหัง ฮอลแลนด์ ไปได้แล้ว แต่จังหวะสุดท้ายดันกึ่งยิงกึ่งผ่านไปติด ออยเยอร์ ที่ลงมาช่วยไว้ได้ทัน

จนแล้วจนรอด บราซิล ก็ตีเสมอไม่สำเร็จ จบเกม ฮอลแลนด์ ล้างแค้นสำเร็จเอาชนะไป 2-1 เข้าไปพบกับ อุรุกวัย ในรอบตัดเชือกในวันที่ 6 กรกฎาคมที่จะถึงนี้

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

ฮอลแลนด์ : มาร์เตน สเตเคเลนเบิร์ก, เกรกอรี่ ฟาน เดอร์ วีล , อังเดร ออยเยอร์, จอห์นนี่ ไฮติงก้า,โจวานนี่ ฟาน บรองค์ฮอร์สท์ (กัปตันทีม), ไนเจล เด ยองก์, มาร์ค ฟาน บอมเมล, เวสลี่ย์ ชไนเดอร์ , เดิร์ค เค้าท์, อาร์เยน ร็อบเบน , โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ (คลาส แยน ฮุนเตลาร์ น.85)

สำรองไม่ได้ใช้ : มิเชล ฟอร์ม, ซานเดอร์ บอส์ชเคอร์, คาลิด บูลาห์รูซ, โยริส มาไธจ์เซ่น, เอ็ดสัน บราฟไฮด์, เดมี่ เดอ ซูว์, สไตจ์ ชาร์ส, ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท, เอลเยโร่ เอเลีย, อิบราฮิม อเฟลลาย, ไรอัน บาเบิล

ใบเหลือง : จอห์นนี่ ไฮติงก้า, เกรกอรี่ ฟาน เดอร์ วีล, ไนเจล เด ยองก์, อังเดร ออยเยอร์

บราซิล : ชูลิโอ เซซาร์, ไมค่อน, ลูซิโอ (กัปตันทีม), ฮวน, มิเชล บาสโต๊ส (จิลแบร์โต้ เมโล่ น.62), จิลแบร์โต้ ซิลวา, เฟลิเป้ เมโล่, ดาเนียล อัลเวส, กาก้า, โรบินโญ่, หลุยส์ ฟาเบียโน่ (นิลมาร์ น.77)

สำรองไม่ได้ใช้ : เอเรลโญ่ โกเมส, อเล็กซานเดอร์ โดนี่, ติอาโก้ ซิลวา, ลุยเซา, โชซูเอ้, คเลแบร์สัน, เอลาโน่, ชูลิโอ บาปติสต้า, กราฟิเต้

ใบเหลือง : มิเชล บาสโต๊ส

ใบแดง : เฟลิเป้ เมโล่
วันพฤหัสบดีที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Spain 1-0 Portugal

ดาบิด บีญา ซัดประตูชัยให้ สเปน ขวิดเอาชนะ โปรตุเกส 1-0 ฉลุยเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ ไปพบกับ ปารากวัย ที่ดวลจุดโทษเบียด ญี่ปุ่น 5-3




ผลฟุตบอลโลก 2010 รอบ 16 ทีมสุดท้าย
สเปน 1-0 โปรตุเกส


Spain 1-0 Portugal (Highlights)

Simão | MySpace Video




บิเซนเต เดล บอสเก สามารถจัดทัพ “กระทิงดุ” สเปน ชุดใหญ่ลงสนามเมื่อได้ ชาบี อลอนโซ ฟิตกลับมาตัดเกมแดนกลาง ส่วนแนวรุกดัน อันเดรส อิเนียสตา เป็น 3 ประสานร่วมกับ เฟร์นานโด ตอร์เรส และ ดาบิด บีญา ด้าน คาร์ลอส เคยรอซ วางหมาก “ฝอยทอง” โปรตุเกส เล่นอย่างรัดกุมใช้ เปเป คอยทำลายเกมคู่แข่งอยู่หน้าแผงหลัง ราอูล เมราเลส เดินเครื่องร่วมกับ ติอาโก เมนเดส ขณะที่ ซิเมา ซาโบรซา ถูกส่งลงมากระชากเกมทางริมเส้นกับ คริสเตียโน โรนัลโด เพื่อลุ้นเปิดบอลให้ ฮูโก อัลเมดา หัวหอกตัวเป้าลุ้นใส่สกอร์

เริ่มเกมการแข่งขันไม่ถึงนาที สเปน ทำเกมบุกใส่ โปรตุเกส ทันทีและก็เกือบจะมีเฮเมื่อ เฟร์นานโด ตอร์เรส พลิกหนี ริคาร์โด คอสตา ก่อนปั่นด้วยขวาร้อนถึง เอดูอาร์โด ต้องเหินปัดบอลสุดปลายมือออกมา ยังเป็น “กระทิงดุ” ที่ครองเกมบุกเข้าหา ดาบิด บีญา ลองยิงไกล นายทวารโปรตุกีสมีงานให้ทำอีกครั้งแต่ก็ยังป้องกันไว้ได้ นาทีที่ 6 กองเชียร์สเปนพยายามร้องเอาจุดโทษเมื่อ ตอร์เรส ลากจี้เข้ากรอบโทษด้านซ้ายโดน ฟาบิโอ โคเอนเตรา บังทางจนล้มไป ทว่า เฮคเตอร์ บัลดาสซี เชิ้ตดำจากอาร์เจนตินาไม่ได้เป่านกหวีดยาวแต่อย่างใด ถัดมา บีญา อาศัยความเร็วกระชากไปยิงมุมแคบ เอดูอาร์โด ปิดมุมป้องกันได้ดี

สเปน ยังได้โอกาสเป็นชุดๆ ชาบี เอร์นานเดซ ใช้ลูกสูตรที่ซ้อมกันมาจ่ายลูกเตะมุมสั้นให้ ตอร์เรส ตวัดยิงเร็วบอลข้ามมือ เอดูอาร์โด แต่ก็เหินข้ามคานไป ผ่าน 15 นาที โปรตุเกส ได้ลุ้นบ้างจากฟรีคิกระยะ 35 หลา คริสเตียโน โรนัลโด ปั่นไปให้ อีเคร์ คาซิยาส รับบอลติดหนึบ ห้านาทีถัดมา “ฝอยทอง” เกือบเป็นฝ่ายออกนำ ติอาโก เมนเดส ได้กระหน่ำด้วยขวาเต็มข้อจากนอกกรอบ คาซิยาส ปัดบอลลอยขึ้นฟ้า ฮูโก อัลเมดา ทะยานขึ้นโหม่งแต่ คาซิยาส ยังไวกระโดดชกบอลทิ้งได้อย่างหวุดหวิดที่สุด จังหวะของเกมเริ่มมาเข้าทาง โปรตุเกส บ้างแล้ว โรนัลโด ได้ทดลองฟรีคิกระยะกว่า 35 หลา “จาบูลานี” พุ่งส่ายทำให้ คาซิยาส ได้แค่ชกทิ้งออกมาเท่านั้น ปลายครึ่งแรก ราอูล เมราเลส เปิดบอลจากกราบซ้าย อัลเมดา กระโดดขวิดโดนแค่ถากๆ ทำให้บอลไม่เข้ากรอบ จบ 45 นาทีแรก สกอร์ยังอยู่ที่ 0-0

ลุยต่อครึ่งหลัง สเปน ไม่รอช้าเดินเครื่องลุยแหลก แต่ยังได้แต่เปิดบอลฉวัดเฉวียนหน้าประตูคู่แข่งโอกาสจะๆ ยังไม่มีให้เห็นมากนัก ผิดกลับ โปรตุเกส ใช้เกมโต้กลับเกือบสัมฤทธิ์ผล อัลเมดา ลากเข้าไปเกือบสุดเส้นหลังฝั่งซ้ายตบเข้ากลางกะให้ โรนัลโด ชาร์จจ่อๆ แต่บอลแฉลบเท้า คาร์เลส ปูโยล บอลกระดอนพื้นเกือบเข้าประตูตัวเองเหมือนกัน หนึ่งชั่วโมงพอดี “กระทิงดุ” ถอดเอา ตอร์เรส ออกมาพร้อมกับให้ เฟร์นานโด ยอเรนเต ลงไปลุ้นสกอร์แทน ขณะที่ “ฝอยทอง” ก็ปรับแท็คติกเช่นกันให้ แดนนี ลงมาเสริมเกมรุกดึงตัวเป้าอย่าง อัลเมดา ออกมาและขยับ โรนัลโด ไปยืนสูงกว่าเก่า ไม่นานการปรับของ บิเซนเต เดล บอสเก เกือบได้ผล ยอเรนเต พุ่งโหม่งลูกเปิดจากกราบของเพื่อนให้ เอดูอาร์โด ได้เซฟ ถัดมา สเปน มีลุ้นอีกครั้ง บีญา ลากตัดจากซ้ายเข้ามายิงด้วยขวาบอลโค้งผ่านมือ เอดูอาร์โด แต่ก็ผ่านเฉียดเสาไปเช่นกัน

บี้อยู่นานในที่สุดนาทีที่ 63 “กระทิงดุ” ก็ขวิดนำ 1-0 จนได้ อันเดรส อิเนียสตา จ่ายเข้ากรอบโทษให้ ชาบี เอร์นานเดซ ดีดส้นต่อ บีญา หลุดเข้าไปยิงด้วยซ้ายติดขา เอดูอาร์โด กระเด้งมาเข้าทางให้ บีญา แปด้วยขวาบอลพุ่งกระแทกคานล่างเข้าประตูไป ทำให้เขายิงเพิ่มเป็น 4 ประตู นำดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2010 ร่วมกับ กอนซาโล อิกัวอิน (อาร์เจนตินา) และ โรเบิร์ต วิทเท็ค (สโลวาเกีย)


จังหวะการทำประตูของบีย่าพากระทิงดุขึ้นนำ 1-0






พอเสียประตูไป โปรตุเกส อยู่เฉยไม่ได้ต้องเดินเกมรุกบ้าง แต่เกือบโดนจังหวะสวนกลับของคู่แข่งเล่นงาน เซร์คิโอ รามอส หักเข้าในยิงด้วยซ้าย เอดูอาร์โด ยังปัดปลายมือพ้นเสาไกลไปได้ จากนั้น คาร์ลอส เคยรอซ ขยับเปลี่ยนไพ่ 2 ใบสุดท้ายอย่าง เปโดร เมนเดส และ เลียดสัน ลงมาแทน เปเป กับ ซิเมา ซาโบรซา เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย บีญา โต้ขึ้นมาได้ยิงอีกครั้งแต่คราวนี้ไม่ผ่านมือนายด่านโปรตุกีส ท้ายเกม โปรตุเกส พยายามฮึดเฮือกสุดท้ายทว่าไม่เป็นผลแถม ริคาร์โด คอสตา ยังมาโดนไล่ออกจากการใช้มือปัดเข้าที่หน้า โจน คัพเดบีญา ครบ 90 นาที สเปน ประคองตัวเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศเจอกับ ปารากวัย ต่อไป

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
สเปน : อีเคร์ คาซิยาส , เซร์คิโอ รามอส , คาร์เลส ปูโยล , เคราร์ด ปิเก , โจน คัพเดบีญา , ชาบี อลอนโซ , เซร์คิโอ บุสเกตส์ , ชาบี เอร์นานเดซ , อันเดรส อิเนียสตา , เฟร์นานโด ตอร์เรส , ดาบิด บีญา

โปรตุเกส : เอดูอาร์โด , ริคาร์โด คอสตา , บรูโน อัลเวส , ริคาร์โด คาร์วัลโญ , ฟาบิโอ โคเอนเตรา , เปเป , ติอาโก เมนเดส , ราอูล เมราเลส , ซิเมา ซาโบรซา , ฮูโก อัลเมดา , คริสเตียโน โรนัลโด

มอเตอร์ไซค์แต่งสวยๆ

แต่งรถยนต์ รถยนต์แต่งสวย

คลับของคนรักมวยไทย

Updates Via E-Mail

Popular Posts


statistic

ฟรีบริการเก็บสถิติเว็บไซด์ FlashSanook แฟลชเกมสนุกของคนออนไลน์


ศูนย์รวมชมรมนักแต่งรถเครื่อง รูปภาพรถแต่งสวยๆและเทคนิคการแต่งเจ๋งๆ ที่นี่ tangmocy.blogspot.com
Scoopy-i สวยลงตัว ไม่ต้องแต่งมาก แถวพระรามสาม โซนิคเขียวขาว แต่งเดิมๆ แต่ดูดีมีไสตล์ ชาลีสีดำ ไสตล์สปอร์ต แจ่มสุดๆ
Mio ออลสตาร์ โอเพ่น บอย ยากูซ่า 123 % อุบลฯ เจ๋งเป้งมากๆ Ducati M900 ปี99 สีแดง โซนิคแถวบางนา แจ่มได้ใจ