บรรดาบุคคลผู้มีชื่อเสียงในวงการฟุตบอลอังกฤษ ต่างออกมาแสดงการไว้อาลัยต่อการจากไปของ เซอร์บ็อบบี้ ร็อบสัน หลังอดีตผู้จัดการทีมชาติอังกฤษเสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 76 ที่บ้านพักของครอบครัว เมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น)
เฟอร์กี้สดุดีปู่บ็อบยอดคน
เฟอร์กี้กล่าวว่า "ใน 23 ปีของการทำงานของผมในอังกฤษ ไม่มีเลยซักคนที่ผมมองว่าเหนือกว่า บ็อบบี้ ร็อบสัน"
"ผมเสียใจมากต่อการจากไปของเพื่อนผู้ยิ่งใหญ่ ของบุคคลที่มหัศจรรย์ และเป็นคนที่มีความรู้ในเกมอย่างสูง"
"บุคลิกของเขามาจากแบ็กกราวนด์ของการทำเหมืองแถบ เดอร์แรม เคาน์ตี้ ที่เขามา พ่อแม่ของเขาเข้มงวดกับเขา และเรื่องนี้หล่อหลอมเขาให้มีแคแรกเตอร์ของการเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเขาได้ส่งผ่านเรื่องนี้ไปยังลูกชายของเขาด้วย"
"ความเข้มแข็ง และกล้าหาญที่เขาแสดงให้เห็นใน 2 ปีมานี้ เมื่อต้องต่อสู้กับการรักษาโรคมะเร็งนั้นเหลือเชื่อมาก เขามีรอยยิ้ม, มีคำพูดเป็นมิตรเสมอ และไม่เคยพูดถึงปัญหาของตัวเองออกมาเลย"
"โลกนี้ไม่ใช่แค่วงการฟุตบอลที่จะคิดถึงเขา"
จ่ามูชูปู่บ็อบตำนานวงการลูกหนังโลก
"ผมไม่ได้คุยกับเขาตั้งแต่เมื่อ 2 เดือนก่อน เพราะผมรู้สึกลำบากใจ" มูรินโญ่ กล่าวผ่านเว็บไซต์ของอินเตอร์ "ผมลำบากใจเพราะไม่ต้องการจะคิดว่าเขากำลังจากไป"
"มันไม่ใช่ภาพที่ผมต้องการจะนึกถึงเลยสักนิด มันไม่ใช่ข่าวที่ผมต้องการจะได้ยินได้ฟังด้วยเช่นกัน"
"ผมจะจดจำ บ็อบบี้ ร็อบสัน ในฐานะบุคคลที่มีชีวิตชีวาทั้งในชีวิตและเกมลูกหนัง และเป็นคนที่กระตือรือร้นอยู่เสมอ"
"เขาเป็นหนึ่งในคนที่ไม่เคยตายไปจากความคิดคำนึงของทุกคน โดยเฉพาะคนอย่างผม ที่เคยโชคดีได้ร่วมงานเคียงข้างเขามาแล้ว"
แกซซ่าเผยสุดช็อกเมื่อรู้ข่าว
"ผมพูดไม่ออก ช็อกจริงๆ" แกซซ่ากล่าว "บ็อบบี้เป็นเหมือนพ่อคนที่สอง"
"ตัวผมได้รับข้อความจากนักเตะ และผู้จัดการทีมหลายๆ คน ผมอธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าเขามีความหมายกับผมมากแค่ไหน"
"เขาให้โอกาสผมได้เล่นในฟุตบอลโลก ผมพูดอะไรไม่ออกเท่าไหร่ ผมแค่อยากร้องไห้เท่านั้น"
"ผมร้องไห้มา 3 ชั่วโมงแล้ว เวลานี้ผมจะไปอยู่เป็นกำลังใจให้ภรรยาของเขา เอลซี"
"มันเป็นสถานการณ์ที่ลำบากสำหรับทุกๆ คน ผมคงคิดถึงเขามาก"
คาเปลโล่เศร้าปู่บ็อบจาก
"เซอร์บ็อบบี้ เป็นคนที่สุดยอด เป็นสุภาพบุรุษอย่างแท้จริง การได้ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมชาติอังกฤษอย่างยาวนาน ถือว่าเป็นความสำเร็จที่น่าจดจำสำหรับเขา และเราทุกคนจะจดจำเอาไว้ว่าเขาเข้าใกล้แค่ไหนในการพาอังกฤษเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกที่อิตาลี"
"สปิริตและความกล้าหาญของเขายอดเยี่ยมมากๆ การต่อสู้กับโรคมะเร็งหลายต่อหลายครั้ง แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งของชายคนนี้ได้เป็นอย่างดี"
"ตลอดเวลาที่เราได้นั่งจิบกาแฟคุยกับครอบครัวผู้ใกล้ชิดของเขา เราเห็นได้ถึงความคลั่งไคล้ในเกมฟุตบอลของเขา เขารักเกมลูกหนังและภูมิใจในประเทศบ้านเกิดและถิ่นกำเนิดทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอย่างที่สุด ผมยังจำได้ถึงงานเลี้ยงอาหารค่ำเป็นเกียรติให้กับบ็อบบี้ ซึ่งเขามีคิวที่จะขึ้นพูดเล็กๆ น้อยๆ แต่สุดท้ายแล้วเขากลับอยู่บนเวทีอย่างยาวนาน เล่าเรื่องราวเรื่องแล้วเรื่องเล่า ซึ่งสร้างความสนุกสนานให้กับทุกคนในงานเป็นอย่างมาก" คาเปลโล่ กล่าว
ฮ็อดเดิ้ลน้ำตารินเสียใจแทนครอบครัวปู่
"มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเสียใจอย่างมาก เราขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของบ็อบบี้ด้วย มันเป็นวันที่น่าเศร้าสุดๆ ของทุกคนในวงการฟุตบอลอย่างแท้จริง"
"เขาคือคนที่พาเราเข้าใกล้ตำแหน่งแชมป์โลกมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1966 เป็นต้นมา นั่นคือฝีมืออันยอดเยี่ยมของบ็อบบี้ ในฟุตบอลโลก 1990 นั้น หากเราโชคดีกว่านี้สักหน่อย และนิ่งกว่านั้นสักนิดในการดวลจุดโทษ ใครจะไปรู้ เราอาจจะคว้าแชมป์โลกสำเร็จก็ได้ และเขาก็ได้รับการยกย่องเกือบจะเท่าๆ กับ เซอร์อัลฟ์ แรมซี่ย์ (ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษชุดแชมป์โลก 1966) เลยทีเดียว"
"คุณคงเห็นได้ว่าเขาได้รับความเคารพจากทั่วทั้งโลกมากแค่ไหน ผมรู้สึกมหัศจรรย์มากๆ ที่ได้เห็นเรื่องแบบนั้น เมื่อเขากลับไปคุมทีมนิวคาสเซิ่ล เขาก็ได้นำความปรารถนาอันแรงกล้ามาสู่ทีม เมื่อเขาได้ทำงานเป็นกุนซือให้กับทีมที่เขาอยากคุมทีมมากที่สุด" ฮ็อดเดิ้ล กล่าว
เชียเรอร์รับสุดคิดถึงปู่
ส่วน อลัน เชียเรอร์ อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษและนิวคาสเซิ่ล ซึ่งเป็นขวัญใจทูน อาร์มี่ เช่นเดียวกับ "ปู่บ็อบ" นั้น กล่าวว่า "ทุกคนคงจะคิดถึงเขาด้วยความเศร้าสร้อย ไม่ใช่เฉพาะแค่คนในวงการฟุตบอลเท่านั้น แต่ผมหมายถึงในทุกๆ ย่างก้าวของชีวิต มันเป็นวันที่แสนเศร้าของทุกๆ คน โดยเฉพาะครอบครัวของเขา, เพื่อนสนิทของเขา และใครก็ตามที่เคยร่วมงานกับเขา"
ลินิเกอร์ยกย่องปู่บ็อบปูชนียบุคคล
ด้าน แกรี่ ลินิเกอร์ อดีตหัวหอก"สิงโตคำราม" ชุดลุยฟุตบอลโลก 1986 และ 1990 กล่าวว่า "เขามีความกระตือรือร้นและมีความปรารถนาอันแรงกล้าในเกมฟุตบอลและการใช้ชีวิตมาตลอด และยังคงเป็นอย่างนั้นจนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิต ทุกคนคงจะคิดถึงเขาอย่างสุดหัวใจ โดยเฉพาะคนที่เคยเป็นลูกทีมของเขา ผมมีความทรงจำที่ดีที่สุดในการลงเล่นภายใต้การคุมทีมของเขาในฟุตบอลโลกถึง 2 สมัย"
คลีเมนซ์สรรเสริญคนลูกหนังตัวจริง
เรย์ คลีเมนซ์ อดีตผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษ ซึ่งเคยเป็นลูกทีมของ "ปู่บ็อบ" เช่นกันนั้น กล่าวว่า "เขามีความซื่อสัตย์ และมีความกระตือรือร้นต่อเกมลูกหนัง ทั้งในฐานะนักเตะและผู้จัดการทีม แม้ในช่วงบั้นปลายของชีวิต เขายังแสดงออกถึงความกระตือรือร้นเวลาที่พูดถึงฟุตบอล แสดงให้เห็นว่าเขารักและเอาใจใส่ในเกมลูกหนังมากแค่ไหน"
นายกฯผู้ดีร่วมไว้อาลัยปู่บ็อบ
กอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ก็ร่วมกล่าวไว้อาลัยอดีตกุนซือ "สิงโตคำราม" ผู้ล่วงลับ ว่า "ผมรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ได้ทราบข่าวการเสียชีวิตของ เซอร์บ็อบบี้ ร็อบสัน ผมเคยได้พบกับบ็อบบี้ ในหลายๆ โอกาส เขาคือภาพรวมที่ชัดเจนสำหรับทุกๆ เรื่องราวอันยอดเยี่ยมเกี่ยวกับฟุตบอลในประเทศนี้"
"ความคลั่งไคล้, ความรักชาติ, ความทุ่มเท และความเป็นมืออาชีพของเขาตลอดช่วงเวลาที่เขาเป็นนักเตะและเป็นผู้จัดการทีมนั้น ไม่มีอะไรจะมาเปรียบเทียบได้อีกแล้ว"
แข้งสาลิกาเศร้า-แฟนร่วมไว้อาลัย
บรรดานักเตะและทีมงานสตาฟฟ์โค้ชของนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ได้พากันยืนสงบนิ่งเพื่อเป็นไว้อาลัย "ปู่บ็อบ" ในสนามซ้อมเป็นเวลา 1 นาที หลังจากได้รับทราบข่าวร้ายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
นิวคาสเซิ่ล ยังได้เปิดสนามเซนต์ เจมส์ พาร์ค ให้บรรดาแฟนบอลได้เข้าไปแสดงการไว้อาลัยแด่อดีตกุนซือขวัญใจ "ทูน อาร์มี่" ผู้ล่วงลับอีกด้วย
แบล็ตเตอร์ร่วมอาลัยอย่างสุดซึ้ง
เซปป์ แบล็ตเตอร์ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ ได้ออกมาร่วมกล่าวแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของ เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน ด้วยเช่นกัน
"ผมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของ เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน" แบล็ตเตอร์ กล่าว
"เขาเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ในวงการฟุตบอล"
"เขานำทีมชาติอังกฤษ โชว์ผลงานได้ดีที่สุดชุดหนึ่งในประวัติศาสตร์เมื่อเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก ปี 1990"
"นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่มีความรัก ความผูกพันกับเกมสูงมาก และเขาจะเป็นที่คิดถึงของแฟนบอลทั่วโลก"
"ผมอยากจะขอบคุณ เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน ที่ทำให้ฟุตบอลเป็นกีฬาที่สวยงามและเป็นที่น่าจดจำ"
ปธ.ลีกผู้ดีให้ยืนไว้อาลัยนัดเปิดสนาม
ลอร์ด มอว์ฮินนี่ย์ ประธานฟุตบอลลีกของอังกฤษ ได้ออกแถลงการณ์ว่า เกมฟุตบอลลีกของเมืองผู้ดีทุกระดับจะทำการยืนสงบนิ่งไว้อาลัยให้เกียรติต่อการจากไปของ เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน ในเกมเปิดฤดูกาลใหม่นี้ทุกสนาม
มอว์ฮินนี่ย์ กล่าวว่า"ด้วยความรู้สึกอาลัยอย่างยิ่งต่อการจากไปของเซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน ทางฟุตบอลลีก, สโมสรต่างๆ และแฟนบอลจะอยู่เคียงข้างกับครอบครัวของบ็อบบี้ และเพื่อนๆ ของเขาในวันนี้"
"เราจะร่วมรำลึกถึงเขา"
เปิดแฟ้มประวัติ เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน
1933: เกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ในแลงลี่ย์ พาร์ค, เคาน์ตี้ เดอร์แฮ่ม ประเทศอังกฤษ
1950: ร่วมทีมฟูแล่ม และลงเล่นในตำแหน่งหัวหอกตัวเป้าให้กับ "เจ้าสัวน้อย" ไป 152 นัด ทำไป 68 ประตู ก่อนย้ายไปเล่นให้กับเวสต์บรอมวิชเป็นสังกัดต่อมา ลงเล่นไปทั้งสิ้น 239 แมตช์ ซัดไปอีก 56 ประตู
1958: ติดทีมชาติอังกฤษไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่ประเทศสวีเดน โดยเขาติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ทั้งสิ้น 20 นัด (ระหว่างปี 1957-1962) ทำไป 4 ประตู และติดทีมชาติอังกฤษชุดยู-23 อีก 1 นัด
1962: ย้ายกลับมาเล่นให้กับฟูแล่มอีกครั้งเป็นคำรบสอง ลงเล่นไป 193 นัด ซัดไป 9 ประตู
1967: ออกจากฟูแล่มในเดือนพฤษภาคม ปีดังกล่าวเพื่อไปเป็นผู้จัดการทีมให้กับ แวนคูเวอร์ รอยัลส์
1968: รับงานคุมสโมสรฟูแล่มต้นสังกัดสมัยเป็นผู้เล่น เมื่อเดือนมกราคมปีดังกล่าว ก่อนโดนไล่ออกในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน
1969: ได้รับการแต่งตั้งให้คุมสโมสรอิปสวิช ทาวน์
1978: พาอิปสวิชคว้าแชมป์เอฟเอ คัพได้สำเร็จ ด้วยการเฉือนเอาชนะอาร์เซน่อลไป 1-0 ในนัดชิงชนะเลิศ
1981: นำสโมสรอิปสวิช ทาวน์ผงาดขึ้นครองแชมป์ยูฟ่า คัพ ด้วยการเอาชนะอาแซ่ด อัลค์มาร์จากฮอลแลนด์ด้วยสกอร์รวม 5-4
1982: ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่
1986: นำทีมชาติอังกฤษเข้าถึงรอบควอเตอร์ไฟนัลของฟุตบอลโลกปี 1986 ที่เม็กซิโก ก่อนแพ้ให้กับอาร์เจนตินา 1-2 โดยโดน ดีเอโก้ มาราโดน่า ยอดดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์ ทำสองประตูแห่งความทรงจำ เริ่มจาก "แฮนด์ ออฟ ก็อด" ในประตูแรก ก่อนลากโซโล่เดี่ยวกว่าครึ่งสนามหลบผู้เล่นของอังกฤษเกือบครึ่งทีมเข้าไปพังประตูที่สองอันเป็นประตูชัยของเกมดังกล่าวด้วย
1990: สมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) เปิดเผยว่า สัญญาการคุมทีมชาติอังกฤษของ บ็อบบี้ ร็อบสัน จะไม่ได้รับการต่อออกไป ก่อนที่เจ้าตัวประกาศว่าจะเข้าคุมสโมสรพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ยักษ์ใหญ่ของลีกฮอลแลนด์ หลังจากทัพสิงโตคำรามพ่ายแพ้ในการดวลจุดโทษให้กับเยอรมันตะวันตกในรอบรองชนะเลิศ
1991: โชว์ฝีมือการคุมทีมด้วยการพาพีเอสวีคว้าแชมป์พรีเมียร์ดัตช์ได้ทันที
1992: ตอกย้ำว่าเจ้าตัวเป็นกุนซือชั้นดีด้วยการพาพีเอสวีป้องกันแชมป์พรีเมียร์ดัตช์ได้อีก ก่อนออกไปคุมสปอร์ติ้ง ลิสบอนทีมแกร่งของลีกสูงสุดโปรตุเกส และปีดังกล่าวเจ้าตัวต้องรับทราบข่าวร้ายถูกตรวจพบว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
1993: โดนไล่ออกจากสปอร์ติ้ง ลิสบอนเมื่อเดือนธันวาคมปีดังกล่าว หลังจากปราชัยในถ้วยยูฟ่า คัพ
1994: ได้รับการแต่งตั้งให้คุมเอฟซี ปอร์โต้ยักษ์ใหญ่ของลีกโปรตุเกสอีกราย ก่อนพาทีมคว้าแชมป์โปรตุกีสคัพได้สำเร็จ
1995: นำปอร์โต้เถลิงบัลลังก์แชมป์ซูเปอร์ลีกา โปรตุเกส แต่พบข่าวร้ายอีกระลอกเมื่อถูกตรวจพบว่าเป็นมะเร็งผิวหนัง และเนื้องอกในปอดข้างขวา
1996: พาปอร์โต้ได้แชมป์ลีกเป็นปีที่สองติดต่อกัน ก่อนลาออกแล้วเข้าคุมบาร์เซโลน่า ยอดทีมของลีกสเปน แล้วพาทีมได้แชมป์สแปนิช ซูเปอร์ คัพทันควัน
1997: นำบาร์ซ่าได้แชมป์โกปา เดล เรย์ และคัพ วินเนอร์ส คัพ ก่อนวางมือจากตำแหน่งเทรนเนอร์แล้วให้ หลุยส์ ฟาน กัล เข้ามารับช่วงต่อ โดยเจ้าตัวได้ขยับขึ้นไปนั่งแท่นตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของทีมดังจากกาตาลัน พร้อมเสาะหาผู้เล่นชั้นยอดในยุโรปเข้าทีม
1998: กลับมาเป็นโค้ชให้กับพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่นอีกครั้ง
1999: ได้รับข้อเสนอให้ไปคุมทีมชาติอังกฤษเป็นการชั่วคราวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ภายหลังจาก เกล็น ฮ็อดเดิ้ล ถูกไล่ออก
- 3 กันยายน ปีเดียวกัน ได้รับการแต่งตั้งให้เข้าคุมสโมสรนิวคาสเซิ่ล
2000: 18 กุมภาพันธ์ - ตกลงสัญญาใหม่ 12 เดือนกับนิวคาสเซิ่ล ในวันครบรอบอายุ 67 ปี
- 21 ตุลาคม ปีดังกล่าว ถอนตัวจากการเป็นตัวแคนดิเดตเข้าคุมทีมชาติอังกฤษเป็นคำรบสอง
2002: นำนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ดได้อันดับ 4 ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก พร้อมได้สิทธิ์ผ่านเข้าไปเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบคัดเลือก
-15 มิถุนายน ปีดังกล่าว ได้รับการพระราชทานยศอัศวินเป็นท่านเซอร์ จากราชินีของอังกฤษ
2003: เดือนพฤษภาคมปีนั้น พานิวคาสเซิ่ลจบด้วยการได้อันดับ 3 ได้ผ่านเข้าไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบคัดเลือก ซึ่งพวกเขาพ่ายให้กับปาร์ติซาน เบลเกรด
2004: 1 สิงหาคม ปีดังกล่าว เฟร็ดดี้ เชพเพิร์ด ประธานสโมสรนิวคาสเซิ่ล ได้ยืนยันว่า เขาจะไม่ต่อสัญญาให้กับร็อบสัน เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2004-05 ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าความเห็นของเชพเพิร์ดทำให้เขาอดแปลกใจไม่ได้
-28 สิงหาคม - ร็อบสันให้ อลัน เชียเรอร์ กัปตันทีมเป็นเพียงแค่สำรองในเกมที่นิวคาสเซิ่ลแพ้แอสตัน วิลล่า 2-4
-30 สิงหาคม - นิวคาสเซิลแถลงว่าร็อบสันถูกปลดออกจากตำแหน่ง
2005: เดือนตุลาคมปีนั้น ร็อบสันยอมรับว่าสนใจรับงานคุมสโมสรฮาร์ทส์ ในสกอตติช พรีเมียร์ลีก แทน จอร์จ เบอร์ลี่ย์
-เดือนพฤศจิกายน - ฮาร์ทส์ได้ทำการแต่งตั้ง เกรแฮม ริกซ์ อดีตโค้ชของเชลซีเข้าคุมทัพ
2006: เดือนมกราคม - รับงานเป็นที่ปรึกษาให้กับทีมชาติไอร์แลนด์ ที่มี สตีฟ สตอนตัน เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ในเวลานั้น
-5 สิงหาคม - ต้องเข้าทำการรักษาในโรงพยาบาล หลังจากป่วยระหว่างเกมครึ่งแรกที่อิปสวิช เจอกับคริสตัล พาเลซ ซึ่งเขาได้รับการประกาศให้เป็นประธานกิตติมศักดิ์ของสโมสรอิปสวิช ช
-20 สิงหาคม - ร็อบสันจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดเอาเนื้องอกก้อนเล็กในสมองออก
2007: 6 พฤษภาคม- ร็อบสันเผยว่าเขาจะต่อสู้กับอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งในช่องท้อง เหมือนกับที่เคยทำมาตลอด หลังจากเจ้าตัวทำเคมีบำบัดครั้งที่ 5
-15 พฤษภาคม - รีไทร์จากวงการฟุตบอลด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ
2008: 16 กุมภาพันธ์ - จัดแคมเปญรณรงค์หากองทุนจำนวน 1 ล้านปอนด์ ให้กับการวิจัยโรคมะเร็งของโรงพยาบาลฟรีแมนในนิวคาสเซิ่ล
-7 สิงหาคม - ออกมายอมรับว่าเขาพ่ายแพ้ให้กับการต่อสู้กับโรคมะเร็งมายาวนาน และคงจะอยู่ได้อีกไม่นาน
-30 สิงหาคม - เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน มาร่วมงานกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในงานกาล่า หาเงินเข้ากองทุนวิจัยโรคมะเร็งของร็อบสัน
-8 ธันวาคม - ได้รับการยกเลิกภาษีจากเมืองเดอร์แฮ่ม
2009: 20 กุมภาพันธ์ - รับเช็กจำนวน 75,000 ปอนด์ จาก ฟาบิโอ คาเปลโล่ ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ ซึ่งมาจากผลกำไรของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือ (เอฟเอ) เพื่อมอบให้กับกองทุนการกุศลของเขา
-24 เมษายน - ได้รับการประกาศให้มีการชิงโทรฟี่ เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน ในเกมฟุตบอลหญิงคู่ระหว่างทีมชาติอังกฤษกับเยอรมันในวันที่ 26 กรกฎาคม
-26 กรกฎาคม - เข้ามาชมเกมในเซนต์ เจมส์ พาร์ค เพื่อดูเกมฟุตบอลหญิงชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2009 คู่ระหว่างทีมชาติอังกฤษกับเยอรมัน โดยนั่งอยู่ในรถเข็นเพื่อมาเป็นเกียรติให้กับเกมนี้ นอกจากนี้ยังได้รางวัลเกียรติยศเชิดชูผลงานจากทางยูฟ่าด้วย
-31 กรกฎาคม - เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน เสียชีวิตในบ้านด้วยวัย 76 ปี หลังจากล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งหลายแห่งมาเป็นเวลายาวนาน
เฟอร์กี้สดุดีปู่บ็อบยอดคน
เฟอร์กี้กล่าวว่า "ใน 23 ปีของการทำงานของผมในอังกฤษ ไม่มีเลยซักคนที่ผมมองว่าเหนือกว่า บ็อบบี้ ร็อบสัน"
"ผมเสียใจมากต่อการจากไปของเพื่อนผู้ยิ่งใหญ่ ของบุคคลที่มหัศจรรย์ และเป็นคนที่มีความรู้ในเกมอย่างสูง"
"บุคลิกของเขามาจากแบ็กกราวนด์ของการทำเหมืองแถบ เดอร์แรม เคาน์ตี้ ที่เขามา พ่อแม่ของเขาเข้มงวดกับเขา และเรื่องนี้หล่อหลอมเขาให้มีแคแรกเตอร์ของการเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเขาได้ส่งผ่านเรื่องนี้ไปยังลูกชายของเขาด้วย"
"ความเข้มแข็ง และกล้าหาญที่เขาแสดงให้เห็นใน 2 ปีมานี้ เมื่อต้องต่อสู้กับการรักษาโรคมะเร็งนั้นเหลือเชื่อมาก เขามีรอยยิ้ม, มีคำพูดเป็นมิตรเสมอ และไม่เคยพูดถึงปัญหาของตัวเองออกมาเลย"
"โลกนี้ไม่ใช่แค่วงการฟุตบอลที่จะคิดถึงเขา"
จ่ามูชูปู่บ็อบตำนานวงการลูกหนังโลก
"ผมไม่ได้คุยกับเขาตั้งแต่เมื่อ 2 เดือนก่อน เพราะผมรู้สึกลำบากใจ" มูรินโญ่ กล่าวผ่านเว็บไซต์ของอินเตอร์ "ผมลำบากใจเพราะไม่ต้องการจะคิดว่าเขากำลังจากไป"
"มันไม่ใช่ภาพที่ผมต้องการจะนึกถึงเลยสักนิด มันไม่ใช่ข่าวที่ผมต้องการจะได้ยินได้ฟังด้วยเช่นกัน"
"ผมจะจดจำ บ็อบบี้ ร็อบสัน ในฐานะบุคคลที่มีชีวิตชีวาทั้งในชีวิตและเกมลูกหนัง และเป็นคนที่กระตือรือร้นอยู่เสมอ"
"เขาเป็นหนึ่งในคนที่ไม่เคยตายไปจากความคิดคำนึงของทุกคน โดยเฉพาะคนอย่างผม ที่เคยโชคดีได้ร่วมงานเคียงข้างเขามาแล้ว"
แกซซ่าเผยสุดช็อกเมื่อรู้ข่าว
"ผมพูดไม่ออก ช็อกจริงๆ" แกซซ่ากล่าว "บ็อบบี้เป็นเหมือนพ่อคนที่สอง"
"ตัวผมได้รับข้อความจากนักเตะ และผู้จัดการทีมหลายๆ คน ผมอธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าเขามีความหมายกับผมมากแค่ไหน"
"เขาให้โอกาสผมได้เล่นในฟุตบอลโลก ผมพูดอะไรไม่ออกเท่าไหร่ ผมแค่อยากร้องไห้เท่านั้น"
"ผมร้องไห้มา 3 ชั่วโมงแล้ว เวลานี้ผมจะไปอยู่เป็นกำลังใจให้ภรรยาของเขา เอลซี"
"มันเป็นสถานการณ์ที่ลำบากสำหรับทุกๆ คน ผมคงคิดถึงเขามาก"
คาเปลโล่เศร้าปู่บ็อบจาก
"เซอร์บ็อบบี้ เป็นคนที่สุดยอด เป็นสุภาพบุรุษอย่างแท้จริง การได้ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมชาติอังกฤษอย่างยาวนาน ถือว่าเป็นความสำเร็จที่น่าจดจำสำหรับเขา และเราทุกคนจะจดจำเอาไว้ว่าเขาเข้าใกล้แค่ไหนในการพาอังกฤษเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกที่อิตาลี"
"สปิริตและความกล้าหาญของเขายอดเยี่ยมมากๆ การต่อสู้กับโรคมะเร็งหลายต่อหลายครั้ง แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งของชายคนนี้ได้เป็นอย่างดี"
"ตลอดเวลาที่เราได้นั่งจิบกาแฟคุยกับครอบครัวผู้ใกล้ชิดของเขา เราเห็นได้ถึงความคลั่งไคล้ในเกมฟุตบอลของเขา เขารักเกมลูกหนังและภูมิใจในประเทศบ้านเกิดและถิ่นกำเนิดทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอย่างที่สุด ผมยังจำได้ถึงงานเลี้ยงอาหารค่ำเป็นเกียรติให้กับบ็อบบี้ ซึ่งเขามีคิวที่จะขึ้นพูดเล็กๆ น้อยๆ แต่สุดท้ายแล้วเขากลับอยู่บนเวทีอย่างยาวนาน เล่าเรื่องราวเรื่องแล้วเรื่องเล่า ซึ่งสร้างความสนุกสนานให้กับทุกคนในงานเป็นอย่างมาก" คาเปลโล่ กล่าว
ฮ็อดเดิ้ลน้ำตารินเสียใจแทนครอบครัวปู่
"มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเสียใจอย่างมาก เราขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของบ็อบบี้ด้วย มันเป็นวันที่น่าเศร้าสุดๆ ของทุกคนในวงการฟุตบอลอย่างแท้จริง"
"เขาคือคนที่พาเราเข้าใกล้ตำแหน่งแชมป์โลกมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1966 เป็นต้นมา นั่นคือฝีมืออันยอดเยี่ยมของบ็อบบี้ ในฟุตบอลโลก 1990 นั้น หากเราโชคดีกว่านี้สักหน่อย และนิ่งกว่านั้นสักนิดในการดวลจุดโทษ ใครจะไปรู้ เราอาจจะคว้าแชมป์โลกสำเร็จก็ได้ และเขาก็ได้รับการยกย่องเกือบจะเท่าๆ กับ เซอร์อัลฟ์ แรมซี่ย์ (ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษชุดแชมป์โลก 1966) เลยทีเดียว"
"คุณคงเห็นได้ว่าเขาได้รับความเคารพจากทั่วทั้งโลกมากแค่ไหน ผมรู้สึกมหัศจรรย์มากๆ ที่ได้เห็นเรื่องแบบนั้น เมื่อเขากลับไปคุมทีมนิวคาสเซิ่ล เขาก็ได้นำความปรารถนาอันแรงกล้ามาสู่ทีม เมื่อเขาได้ทำงานเป็นกุนซือให้กับทีมที่เขาอยากคุมทีมมากที่สุด" ฮ็อดเดิ้ล กล่าว
เชียเรอร์รับสุดคิดถึงปู่
ส่วน อลัน เชียเรอร์ อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษและนิวคาสเซิ่ล ซึ่งเป็นขวัญใจทูน อาร์มี่ เช่นเดียวกับ "ปู่บ็อบ" นั้น กล่าวว่า "ทุกคนคงจะคิดถึงเขาด้วยความเศร้าสร้อย ไม่ใช่เฉพาะแค่คนในวงการฟุตบอลเท่านั้น แต่ผมหมายถึงในทุกๆ ย่างก้าวของชีวิต มันเป็นวันที่แสนเศร้าของทุกๆ คน โดยเฉพาะครอบครัวของเขา, เพื่อนสนิทของเขา และใครก็ตามที่เคยร่วมงานกับเขา"
ลินิเกอร์ยกย่องปู่บ็อบปูชนียบุคคล
ด้าน แกรี่ ลินิเกอร์ อดีตหัวหอก"สิงโตคำราม" ชุดลุยฟุตบอลโลก 1986 และ 1990 กล่าวว่า "เขามีความกระตือรือร้นและมีความปรารถนาอันแรงกล้าในเกมฟุตบอลและการใช้ชีวิตมาตลอด และยังคงเป็นอย่างนั้นจนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิต ทุกคนคงจะคิดถึงเขาอย่างสุดหัวใจ โดยเฉพาะคนที่เคยเป็นลูกทีมของเขา ผมมีความทรงจำที่ดีที่สุดในการลงเล่นภายใต้การคุมทีมของเขาในฟุตบอลโลกถึง 2 สมัย"
คลีเมนซ์สรรเสริญคนลูกหนังตัวจริง
เรย์ คลีเมนซ์ อดีตผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษ ซึ่งเคยเป็นลูกทีมของ "ปู่บ็อบ" เช่นกันนั้น กล่าวว่า "เขามีความซื่อสัตย์ และมีความกระตือรือร้นต่อเกมลูกหนัง ทั้งในฐานะนักเตะและผู้จัดการทีม แม้ในช่วงบั้นปลายของชีวิต เขายังแสดงออกถึงความกระตือรือร้นเวลาที่พูดถึงฟุตบอล แสดงให้เห็นว่าเขารักและเอาใจใส่ในเกมลูกหนังมากแค่ไหน"
นายกฯผู้ดีร่วมไว้อาลัยปู่บ็อบ
กอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ก็ร่วมกล่าวไว้อาลัยอดีตกุนซือ "สิงโตคำราม" ผู้ล่วงลับ ว่า "ผมรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ได้ทราบข่าวการเสียชีวิตของ เซอร์บ็อบบี้ ร็อบสัน ผมเคยได้พบกับบ็อบบี้ ในหลายๆ โอกาส เขาคือภาพรวมที่ชัดเจนสำหรับทุกๆ เรื่องราวอันยอดเยี่ยมเกี่ยวกับฟุตบอลในประเทศนี้"
"ความคลั่งไคล้, ความรักชาติ, ความทุ่มเท และความเป็นมืออาชีพของเขาตลอดช่วงเวลาที่เขาเป็นนักเตะและเป็นผู้จัดการทีมนั้น ไม่มีอะไรจะมาเปรียบเทียบได้อีกแล้ว"
แข้งสาลิกาเศร้า-แฟนร่วมไว้อาลัย
บรรดานักเตะและทีมงานสตาฟฟ์โค้ชของนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ได้พากันยืนสงบนิ่งเพื่อเป็นไว้อาลัย "ปู่บ็อบ" ในสนามซ้อมเป็นเวลา 1 นาที หลังจากได้รับทราบข่าวร้ายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
นิวคาสเซิ่ล ยังได้เปิดสนามเซนต์ เจมส์ พาร์ค ให้บรรดาแฟนบอลได้เข้าไปแสดงการไว้อาลัยแด่อดีตกุนซือขวัญใจ "ทูน อาร์มี่" ผู้ล่วงลับอีกด้วย
แบล็ตเตอร์ร่วมอาลัยอย่างสุดซึ้ง
เซปป์ แบล็ตเตอร์ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ ได้ออกมาร่วมกล่าวแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของ เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน ด้วยเช่นกัน
"ผมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของ เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน" แบล็ตเตอร์ กล่าว
"เขาเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ในวงการฟุตบอล"
"เขานำทีมชาติอังกฤษ โชว์ผลงานได้ดีที่สุดชุดหนึ่งในประวัติศาสตร์เมื่อเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก ปี 1990"
"นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่มีความรัก ความผูกพันกับเกมสูงมาก และเขาจะเป็นที่คิดถึงของแฟนบอลทั่วโลก"
"ผมอยากจะขอบคุณ เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน ที่ทำให้ฟุตบอลเป็นกีฬาที่สวยงามและเป็นที่น่าจดจำ"
ปธ.ลีกผู้ดีให้ยืนไว้อาลัยนัดเปิดสนาม
ลอร์ด มอว์ฮินนี่ย์ ประธานฟุตบอลลีกของอังกฤษ ได้ออกแถลงการณ์ว่า เกมฟุตบอลลีกของเมืองผู้ดีทุกระดับจะทำการยืนสงบนิ่งไว้อาลัยให้เกียรติต่อการจากไปของ เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน ในเกมเปิดฤดูกาลใหม่นี้ทุกสนาม
มอว์ฮินนี่ย์ กล่าวว่า"ด้วยความรู้สึกอาลัยอย่างยิ่งต่อการจากไปของเซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน ทางฟุตบอลลีก, สโมสรต่างๆ และแฟนบอลจะอยู่เคียงข้างกับครอบครัวของบ็อบบี้ และเพื่อนๆ ของเขาในวันนี้"
"เราจะร่วมรำลึกถึงเขา"
เปิดแฟ้มประวัติ เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน
1933: เกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ในแลงลี่ย์ พาร์ค, เคาน์ตี้ เดอร์แฮ่ม ประเทศอังกฤษ
1950: ร่วมทีมฟูแล่ม และลงเล่นในตำแหน่งหัวหอกตัวเป้าให้กับ "เจ้าสัวน้อย" ไป 152 นัด ทำไป 68 ประตู ก่อนย้ายไปเล่นให้กับเวสต์บรอมวิชเป็นสังกัดต่อมา ลงเล่นไปทั้งสิ้น 239 แมตช์ ซัดไปอีก 56 ประตู
1958: ติดทีมชาติอังกฤษไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่ประเทศสวีเดน โดยเขาติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ทั้งสิ้น 20 นัด (ระหว่างปี 1957-1962) ทำไป 4 ประตู และติดทีมชาติอังกฤษชุดยู-23 อีก 1 นัด
1962: ย้ายกลับมาเล่นให้กับฟูแล่มอีกครั้งเป็นคำรบสอง ลงเล่นไป 193 นัด ซัดไป 9 ประตู
1967: ออกจากฟูแล่มในเดือนพฤษภาคม ปีดังกล่าวเพื่อไปเป็นผู้จัดการทีมให้กับ แวนคูเวอร์ รอยัลส์
1968: รับงานคุมสโมสรฟูแล่มต้นสังกัดสมัยเป็นผู้เล่น เมื่อเดือนมกราคมปีดังกล่าว ก่อนโดนไล่ออกในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน
1969: ได้รับการแต่งตั้งให้คุมสโมสรอิปสวิช ทาวน์
1978: พาอิปสวิชคว้าแชมป์เอฟเอ คัพได้สำเร็จ ด้วยการเฉือนเอาชนะอาร์เซน่อลไป 1-0 ในนัดชิงชนะเลิศ
1981: นำสโมสรอิปสวิช ทาวน์ผงาดขึ้นครองแชมป์ยูฟ่า คัพ ด้วยการเอาชนะอาแซ่ด อัลค์มาร์จากฮอลแลนด์ด้วยสกอร์รวม 5-4
1982: ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่
1986: นำทีมชาติอังกฤษเข้าถึงรอบควอเตอร์ไฟนัลของฟุตบอลโลกปี 1986 ที่เม็กซิโก ก่อนแพ้ให้กับอาร์เจนตินา 1-2 โดยโดน ดีเอโก้ มาราโดน่า ยอดดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์ ทำสองประตูแห่งความทรงจำ เริ่มจาก "แฮนด์ ออฟ ก็อด" ในประตูแรก ก่อนลากโซโล่เดี่ยวกว่าครึ่งสนามหลบผู้เล่นของอังกฤษเกือบครึ่งทีมเข้าไปพังประตูที่สองอันเป็นประตูชัยของเกมดังกล่าวด้วย
1990: สมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) เปิดเผยว่า สัญญาการคุมทีมชาติอังกฤษของ บ็อบบี้ ร็อบสัน จะไม่ได้รับการต่อออกไป ก่อนที่เจ้าตัวประกาศว่าจะเข้าคุมสโมสรพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ยักษ์ใหญ่ของลีกฮอลแลนด์ หลังจากทัพสิงโตคำรามพ่ายแพ้ในการดวลจุดโทษให้กับเยอรมันตะวันตกในรอบรองชนะเลิศ
1991: โชว์ฝีมือการคุมทีมด้วยการพาพีเอสวีคว้าแชมป์พรีเมียร์ดัตช์ได้ทันที
1992: ตอกย้ำว่าเจ้าตัวเป็นกุนซือชั้นดีด้วยการพาพีเอสวีป้องกันแชมป์พรีเมียร์ดัตช์ได้อีก ก่อนออกไปคุมสปอร์ติ้ง ลิสบอนทีมแกร่งของลีกสูงสุดโปรตุเกส และปีดังกล่าวเจ้าตัวต้องรับทราบข่าวร้ายถูกตรวจพบว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
1993: โดนไล่ออกจากสปอร์ติ้ง ลิสบอนเมื่อเดือนธันวาคมปีดังกล่าว หลังจากปราชัยในถ้วยยูฟ่า คัพ
1994: ได้รับการแต่งตั้งให้คุมเอฟซี ปอร์โต้ยักษ์ใหญ่ของลีกโปรตุเกสอีกราย ก่อนพาทีมคว้าแชมป์โปรตุกีสคัพได้สำเร็จ
1995: นำปอร์โต้เถลิงบัลลังก์แชมป์ซูเปอร์ลีกา โปรตุเกส แต่พบข่าวร้ายอีกระลอกเมื่อถูกตรวจพบว่าเป็นมะเร็งผิวหนัง และเนื้องอกในปอดข้างขวา
1996: พาปอร์โต้ได้แชมป์ลีกเป็นปีที่สองติดต่อกัน ก่อนลาออกแล้วเข้าคุมบาร์เซโลน่า ยอดทีมของลีกสเปน แล้วพาทีมได้แชมป์สแปนิช ซูเปอร์ คัพทันควัน
1997: นำบาร์ซ่าได้แชมป์โกปา เดล เรย์ และคัพ วินเนอร์ส คัพ ก่อนวางมือจากตำแหน่งเทรนเนอร์แล้วให้ หลุยส์ ฟาน กัล เข้ามารับช่วงต่อ โดยเจ้าตัวได้ขยับขึ้นไปนั่งแท่นตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของทีมดังจากกาตาลัน พร้อมเสาะหาผู้เล่นชั้นยอดในยุโรปเข้าทีม
1998: กลับมาเป็นโค้ชให้กับพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่นอีกครั้ง
1999: ได้รับข้อเสนอให้ไปคุมทีมชาติอังกฤษเป็นการชั่วคราวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ภายหลังจาก เกล็น ฮ็อดเดิ้ล ถูกไล่ออก
- 3 กันยายน ปีเดียวกัน ได้รับการแต่งตั้งให้เข้าคุมสโมสรนิวคาสเซิ่ล
2000: 18 กุมภาพันธ์ - ตกลงสัญญาใหม่ 12 เดือนกับนิวคาสเซิ่ล ในวันครบรอบอายุ 67 ปี
- 21 ตุลาคม ปีดังกล่าว ถอนตัวจากการเป็นตัวแคนดิเดตเข้าคุมทีมชาติอังกฤษเป็นคำรบสอง
2002: นำนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ดได้อันดับ 4 ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก พร้อมได้สิทธิ์ผ่านเข้าไปเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบคัดเลือก
-15 มิถุนายน ปีดังกล่าว ได้รับการพระราชทานยศอัศวินเป็นท่านเซอร์ จากราชินีของอังกฤษ
2003: เดือนพฤษภาคมปีนั้น พานิวคาสเซิ่ลจบด้วยการได้อันดับ 3 ได้ผ่านเข้าไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบคัดเลือก ซึ่งพวกเขาพ่ายให้กับปาร์ติซาน เบลเกรด
2004: 1 สิงหาคม ปีดังกล่าว เฟร็ดดี้ เชพเพิร์ด ประธานสโมสรนิวคาสเซิ่ล ได้ยืนยันว่า เขาจะไม่ต่อสัญญาให้กับร็อบสัน เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2004-05 ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าความเห็นของเชพเพิร์ดทำให้เขาอดแปลกใจไม่ได้
-28 สิงหาคม - ร็อบสันให้ อลัน เชียเรอร์ กัปตันทีมเป็นเพียงแค่สำรองในเกมที่นิวคาสเซิ่ลแพ้แอสตัน วิลล่า 2-4
-30 สิงหาคม - นิวคาสเซิลแถลงว่าร็อบสันถูกปลดออกจากตำแหน่ง
2005: เดือนตุลาคมปีนั้น ร็อบสันยอมรับว่าสนใจรับงานคุมสโมสรฮาร์ทส์ ในสกอตติช พรีเมียร์ลีก แทน จอร์จ เบอร์ลี่ย์
-เดือนพฤศจิกายน - ฮาร์ทส์ได้ทำการแต่งตั้ง เกรแฮม ริกซ์ อดีตโค้ชของเชลซีเข้าคุมทัพ
2006: เดือนมกราคม - รับงานเป็นที่ปรึกษาให้กับทีมชาติไอร์แลนด์ ที่มี สตีฟ สตอนตัน เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ในเวลานั้น
-5 สิงหาคม - ต้องเข้าทำการรักษาในโรงพยาบาล หลังจากป่วยระหว่างเกมครึ่งแรกที่อิปสวิช เจอกับคริสตัล พาเลซ ซึ่งเขาได้รับการประกาศให้เป็นประธานกิตติมศักดิ์ของสโมสรอิปสวิช ช
-20 สิงหาคม - ร็อบสันจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดเอาเนื้องอกก้อนเล็กในสมองออก
2007: 6 พฤษภาคม- ร็อบสันเผยว่าเขาจะต่อสู้กับอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งในช่องท้อง เหมือนกับที่เคยทำมาตลอด หลังจากเจ้าตัวทำเคมีบำบัดครั้งที่ 5
-15 พฤษภาคม - รีไทร์จากวงการฟุตบอลด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ
2008: 16 กุมภาพันธ์ - จัดแคมเปญรณรงค์หากองทุนจำนวน 1 ล้านปอนด์ ให้กับการวิจัยโรคมะเร็งของโรงพยาบาลฟรีแมนในนิวคาสเซิ่ล
-7 สิงหาคม - ออกมายอมรับว่าเขาพ่ายแพ้ให้กับการต่อสู้กับโรคมะเร็งมายาวนาน และคงจะอยู่ได้อีกไม่นาน
-30 สิงหาคม - เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน มาร่วมงานกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในงานกาล่า หาเงินเข้ากองทุนวิจัยโรคมะเร็งของร็อบสัน
-8 ธันวาคม - ได้รับการยกเลิกภาษีจากเมืองเดอร์แฮ่ม
2009: 20 กุมภาพันธ์ - รับเช็กจำนวน 75,000 ปอนด์ จาก ฟาบิโอ คาเปลโล่ ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ ซึ่งมาจากผลกำไรของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือ (เอฟเอ) เพื่อมอบให้กับกองทุนการกุศลของเขา
-24 เมษายน - ได้รับการประกาศให้มีการชิงโทรฟี่ เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน ในเกมฟุตบอลหญิงคู่ระหว่างทีมชาติอังกฤษกับเยอรมันในวันที่ 26 กรกฎาคม
-26 กรกฎาคม - เข้ามาชมเกมในเซนต์ เจมส์ พาร์ค เพื่อดูเกมฟุตบอลหญิงชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2009 คู่ระหว่างทีมชาติอังกฤษกับเยอรมัน โดยนั่งอยู่ในรถเข็นเพื่อมาเป็นเกียรติให้กับเกมนี้ นอกจากนี้ยังได้รางวัลเกียรติยศเชิดชูผลงานจากทางยูฟ่าด้วย
-31 กรกฎาคม - เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน เสียชีวิตในบ้านด้วยวัย 76 ปี หลังจากล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งหลายแห่งมาเป็นเวลายาวนาน
Facebook
