มาใหม่ล่าสุด


ติดตามดูคลิปฟุตบอลทางเฟสบุ๊ค ได้ที่หน้าแฟนเพจได้เลยนะครับ... www.facebook.com/clibfootball หรือตามลิงค์ด้านล่างครับ...เข้าไปแล้วช่วยกดไลค์ด้วยนะครับ... https://www.facebook.com/clibfootball

วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553

แซมบ้ารัวสะเด่าชิลี3-0ฉลุยดวลดัตช์

"แซมบ้า" บราซิล โชว์ฟอร์มสมราคาทีมเต็งแชมป์ หลังไล่ถล่ม ชิลี ไปแบบหายห่วง 3-0 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ไปชน "ฮัศวินสีส้ม" ฮอลแลนด์ ต่อไปในวันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคมนี้


ศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบ 16 ทีมสุดท้าย
บราซิล 3-0 ชิลี



เกมนัดนี้ คาร์ลอส ดุงกา โค้ชบราซิล จัดทัพ 4-2-1-3 มี ริคาร์โด กากา พ้นโทษแบนกลับมาสร้างสรรค์เกม ทางฝั่ง มาร์เซโล บีเอลซา กุนซือชิลี วางระบบ 4-3-3 มี อเล็กซิส ซานเชซ เป็นตัวความหวังในเกมรุกเหมือนเดิม

เริ่มครึ่งแรก ทั้งสองทีมทำเกมกันอย่างสูสีในช่วงต้นเกมจนมาถึงนาที 8 บราซิล มีจังหวะลุ้นประตูก่อน เมื่อ ซิลวา ลองสับไกยิงจากนอกเขตโทษ บราโว ไม่พลาดปัดทิ้งออกหลังไป หลังจากนั้นอีก 4 นาทีเป็นโอกาสของ ชิลี เมื่อ ซัวโซ ได้บอลหลุดขึ้นมาทางขวาหวังจะกระดกให้ข้าม เซซาร์ แต่ทำได้ไม่ดีพอบอลเข้ามือนายด่านอินเตอร์ มิลาน รับสบาย

เกมมาถึงนาที 15 ราไมเรส ลากบอกขึ้นมายิงหน้าเขตโทษ แต่บอลไปตรงตัว บราโว รับเข้าซอง หลังจากนั้นลูกทีมของ ดุงกา เริ่มครองเกมได้เหนือกว่าเป็นฝ่ายบุกอย่างต่อเนื่อง กระทั่งนาที 34 ก็สามารถทำประตูออกนำ 1-0 ได้สำเร็จจากลูกเตะมุม ไมคอน เปิดบอลไปเข้าหัว ฮวน โขกผ่านมือ บราโว เข้าตุงตาข่าย

จังหวะการทำประตูของฮวน พาแซมบ้าขึ้นนำ 1-0


เซนเตอร์จอมเก๋าขึ้นโขกสุดสวย




อดีตแชมป์โลก 5 สมัยเดินเครื่องต่อและอีก 4 นาทีถัดมาก็ขยับสกอร์เป็น 2-0 จากจังหวะโต้กลับเร็ว โรบินโญ กระชากบอลขึ้นมาทางซ้าย ก่อนผ่านเข้ากลาง กากา กระแทกบอลเร็วให้ ฟาเบียโน หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปแตะหนี บราโว ก่อนซัดบอลเข้าไปง่ายๆ หลังจากนั้นไม่มีการทำประตูอีกจบ 45 นาทีแรกไป


จังหวะการหลุดของฟาเบียโนจากการทำเกมของเพื่อนร่วมทีม




เกมครึ่งหลัง บราซิล ยังเป็นฝ่ายที่ครองเกมได้เหนือกว่า กระทั่งมาถึงนาที 59 ก็ทะยานห่างเป็น 3-0 จากจังหวะที่ ราไมเรส โชว์ความสามารถเฉพาะตัวกระชากบอลขึ้นมาจากกลางสนามจนถึงหน้าเขตโทษ ก่อนปล่อยบอลให้ โรบินโญ เข้ามายิ่งด้วยขวาบอลโค้งผ่านมือ บราโว ซุกตาข่าย

โรบินโญ่ซัดประตูที่สามให้กับบราซิล


โรบินโญ่ฉลองความดีใจกับกากา


ชิลี มีโอกาสลุ้นตีไข่แตกเช่นกันในนาที 66 เมื่อ ซานเชส ลากบอลจากริมเส้นด้านขวาตัดเข้ากลาง ก่อนจ่ายบอลให้ ฮอร์เก วัลดิเวีย กองหน้าตัวสำรองยิงตรงหน้าเขตโทษข้ามคานเล็กน้อย หลังจากนั้น "แซมบ้า" ได้จังหวะโต้กลับอีกครั้ง ก่อนที่ บาสโต๊ส จะหลุดขึ้นมาถึงเส้นหลัง ก่อนตบบอลย้อนมาให้ กากา ซัดข้ามคานออกไป

โรบินโญ มีโอกาสบวกประตูที่สองของตนเองในนาที 74 เมื่อได้บอลจาก อัลเวส จนหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงในเขตโทษ แต่ถูก บราโว ปัดทิ้งออกเสาสองไป หลังจากนั้น ชิลี มาได้ลุ้นประตูตีไข่แตกถึง 2 จังหวะ เริ่มจากการพลิกตัวยิงของ ซัวโซ ในเขตโทษ แต่ติดเซฟ เซซาร์ ก่อนที่ลูกเตะมุม ซัวโซ คนเดิมก็ได้วอลเลย์อีกครั้ง คราวนี้บอลกระดอนพื้นชนคานออกไปอย่างน่าเสียดาย แต่หลังจากนั้นไม่มีฝ่ายใดยิงประตูเพิ่มได้จบ 90 นาทีด้วยชัยชนะของ บราซิล ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ไปพบกับ "อัศวินสีส้ม" ฮอลแลนด์

รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
บราซิล : ฮูลิโอ เซซาร์, ฮวน, ลูซิโอ, มิเชล บาสโต๊ส, ไมคอน, ราไมเรส, กิลแบร์โต ซิลวา, หลุยส์ ฟาเบียโน, กากา, โรบินโญ, ดานี อัลเวส
ชิลี : เคลาดิโอ บราโว, อิสมาเอล ฟูเอนเตส, พาโบล คอนเทรราส, กอนซาโล ยารา, อาร์ตูโร วิดัล, คาร์ลอส คาร์โมนา, ฌอน โบเซยูร์, เมาริซิโอ อิสลา, ฮัมเบอร์โต ซัวโซ, มาร์ก กอนซาเลซ, อเล็กซิส ซานเชส

Netherlands 2-1 Slovakia

World cup 2010
28/06/2010







referee : Alberto Undiano Mallenco (Spain)

18' A. Robben [1 - 0]

31' A. Robben (Netherlands)(yellow card)

40' J. Kucka (Slovakia)(yellow card)

72' K. Kopunek (Slovakia)(yellow card)

84' W. Sneijder [2 - 0] M. Skrtel (Slovakia)(yellow card)

90' M. Stekelenburg (Netherlands)(yellow card) [2 - 1] R. Vittek (pen.)

"อัศวินสีส้ม" ฮอลแลนด์ ทะยานเข้าสู่รอบ8ทีมสุดท้ายสำเร็จหลังเฉือน สโลวาเกีย 2-1 โดย อาร์เยน ร็อบเบน ซัดเบิกร่องก่อนที่ เวสลี่ย์ สไนเดอร์ จะยิงปิดกล่องให้ทีม ส่วนแข้งสโลวักมาตีไข่แตกจากจุดโทษของ โรเบิร์ต วิตเท็ค ช่วงทดเจ็บ โดยขุนพนแดงกังหันลมจะเข้าไปพบบราซิลในรอบหน้า



ฟุตบอลโลก2010 รอบ16ทีมสุดท้าย
ฮอลแลนด์ 2 - 1 สโลวาเกีย

สนาม : เดอร์บัน สเตเดี้ยม, เดอร์บัน

"อัศวินสีส้ม" ฮอลแลนด์ เข้ารอบมาเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มอี ด้วยผลงานสุดยอดชนะสามเกมรวด ลงปะทะกับ สโลวาเกีย ทีมอันดับ 2 กลุ่มเอฟ ที่เข้ารอบมาได้ด้วยการมี 4 คะแนนน ซึ่งในเกมสุดท้ายของรอบแรกสามารถเฉือนเอาชนะแชมป์เก่า อิตาลี 3-2 มาได้อย่างเซอร์ไพรส์

ฮอลแลนด์ ได้รับข่าวดีเมื่อได้ อาร์เยน ร็อบเบน ปีกจรวดตัวเก่งฟิตกลับมาลงสนามเป็นตัวจริงเกมแรกในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ทำให้ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท โดนถอดออกไปนั่งสำรอง นอกนั้นกุนซือ เบิร์ต ฟาน มาร์ไวค์ จัดทีมชุดเก่งลงครบในระบบ 4-2-3-1 โดยมี โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เป็นกองหน้าตัวเป้า และมี เวสลี่ย์ ชไนเดอร์ เป็นจอมทัพ

ด้าน สโลวาเกีย ที่ลงเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกในชื่อสโลวาเกีย หลังแยกมาจากเชโกสโลวาเกียเดิม และทะลุเข้ามาในรอบ 2 ได้ กุนซือ วลาดิเมียร์ ไวส์ วาง โรเบิร์ต วิตเท็ค กองหน้าตัวเก่งที่ยิงไปแล้ว 3 ประตูในฟุตบอลโลก เป็นตัวความหวังในการทำสกอร์ ขณะที่แดนกลางมี มาเร็ค ฮัมซิค กัปตันทีมนำทัพเช่นเดิม โดยมี ยูราจ คุซก้า ลงมายืนคู่กลางแทนที่ ซเดโน่ สเตอร์บา ที่ถูกพักแข้ง

เป่านกหวีดเริ่มเกมมา 2 นาที สโลวาเกีย เกือบสร้างเซอร์ไพรส์ขึ้นนำก่อน เมื่อต่อบอลโต้กลับมา จังหวะสุดท้ายเป็น อีริค เยนดริเซ็ค ได้หวดจากกนอกกรอบเขตโทษบอลเหินออกหลังไป

นาทีที่ 7 ฮอลแลนด์ มีลุ้นครั้งแรก โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ มาได้โหม่งโล่งๆจากลูกที่ เดิร์ค เค้าท์ ตักบอลเข้ามาให้ แต่บอลดันไปถูก ราโดสลาฟ ซาบาฟนิค ที่ตามลงมาสกัดเอาไว้ได้ทัน และจังหวะต่อมา ชไนเดอร์ ก็ได้กดโล่งๆ แต่ยิงบอลบดมากไปหน่อย ทำให้ แยน มูช่า ล้มตัวรับไว้ได้สบาย

จนนาทีที่ 18 ร็อบเบน ก็มาแผลงฤทธิ์ยิงให้ ฮอลแลนด์ ขึ้นนำ 1-0 เมื่อ ชไนเดอร์ จ่ายบอลโต้กลับข้ามฝากมาให้ ร็อบเบน สปีดไปรับบอลริมเส้นผั่งขวา ก่อนโชว์ลูกเก่งเลี้ยงลากตัดเข้าในไปยิงหน้ากรอบเขตโทษด้วยซ้ายผ่านกองหลัง สโลวาเกีย ที่รู้ทั้งรู้แต่กันไว้ไม่อยู่ บอลพุ่งเสียบเสาหมดจดเข้าประตูไป เป็นประตูแรกของ ร็อบเบน ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ และเป็นลูกที่ 14 ในการเล่นทีมชาติ

หลังได้ประตูขึ้นนำนักเตะ "กังหันลม" เล่นด้วยความมั่นใจ สามารถครองเกมเอาไว้ได้หมด ไม่เปิดโอกาสให้ สโลวาเกีย เข้าไปสร้างความอันตรายได้เลย ทว่าผ่านพ้นครึ่งชั่วโมงมาได้หนึ่งนาที ผู้ตัดสิน อัลเบร์โต้ อุนเดียโน่ มาเยนโก้ ก็มาควักใบเหลืองแรกให้แก่ ร็อบเบน หลังลูกเปิดเข้ามาของ ฮัมซิค ไปโดนแขนของเจ้าตัว ทำเอา ร็อบเบน ส่ายหน้าเซ็งไม่เข้าใจผู้ตัดสิน

ช่วงท้ายครึ่งแรก ฟาน เพอร์ซี่ มาได้บอลแตะหลุดหนีกองหลังคู่แข่งเข้าไปยิง แต่ดันใจร้อนรีบยิงด้วยเท้าขวาข้างที่ไม่ถนัด ทำให้ มูช่า ป้องกันไว้ได้ง่ายๆ และจบครึ่งแรกไปด้วยการที่ ฮอลแลนด์ ออกนำ สโลวาเกีย ไปก่อน 1-0

กลับลงมาสู้กันต่อในเกมครึ่งหลัง ทั้งสองทีมยังไม่มีการเปลี่ยนตัว และแค่ 4 นาที ร็อบเบน ก็เกือบทำให้ทีมทิ้งห่างจากจังหวะคล้ายๆที่ได้ลูกแรก เมื่อ ร็อบเบน เก็บบอลที่ มาร์ติน สเคอร์เทล เตะสกัดออกมาไม่ดี ก่อนเลี้ยงตัดเข้าใน แต่งหาจังหวะยิงด้วยซ้ายไปติด มูช่า ที่ล้มตัวพุ่งป้องกันเอาไว้ได้หวุดหวิด

ถัดมาแค่นาทีเดียว กังหันลม ก็ได้เสียวอีก เมื่อ ร็อบเบน เลี้ยงจี้เข้าหาแผงหลังคู่แข่ง ก่อนไหลเรียดเข้ากลางมาให้ โยริส มาไธจ์เซ่น ที่เติมขึ้นมายิงจ่อๆไปติดเซฟของ มูช่า ที่ยังไม่ยอมพลาดเป็นครั้งที่สอง

เกมรับ สโลวาเกีย โดน ร็อบเบน ปั่นป่วนจนหัวหมุน ต้องอาศัยการเข้าทำฟาวล์ถึงจะหยุดเอาไว้ได้ และจากลูกฟรีคิกริมเส้นด้านขวา ฟาน เพอร์ซี่ กึ่งยิงกึ่งผ่านมาหน้าปากประตู แต่ มูช่า ตัดสินใจได้ดีชกบอลออกไปให้พ้นหน้าปากประตูทันที

เข็มเวลานาฬีกาเดินมาครบหนึ่งชั่วโมง นักเตะ สโลวาเกีย ยังไม่มีโอกาสได้ยิงตรงกรอบให้ มาร์เตน สเตเคเลนเบิร์ก ได้ออกแรงป้องกันประตูเลย นาทีที่ 63 ยูราจ คุซก้า ลองยิงไกลนอกกรอบอีก แต่บอลก็หลุดออกนอกกรอบไปตามเคย

จนกระทั่งนาทีที่ 67 สเตเคเลนเบิร์ก ต้องมาออกแรงติดๆกันสองคร้ง ครั้งแรกปัดลูกยิงที่ มิโรสลาฟ สต็อช เลี้ยงตัดเข้ามาอัดด้วยขวาข้ามคานไป และอีกครั้งนึงพุ่งออกมาเซฟลูกยิงของ วิตเท็ค ที่พลิกบอลเข้ามายิงเอาไว้ได้อย่างสุดยอด ช่วยให้ กังหันลม ยังไม่ถูกตีเสมอ

นาทีที่ 71 มาร์ไวค์ ทำการเปลี่ยนตัวรายแรกของเกมถอด ร็อบเบน ที่สภาพร่างกายยังไม่สมบูรณ์ออกไปพัก และให้ เอลเยโร่ เอเลีย ลงไปสร้างความวูบวาบในเกมรุกแทน

เดิร์ค เค้าท์ มามีจังหวะได้ลองซัดไกลบ้าง เมื่อเลี้ยงเข้ายิงเต็มแรงระยะ 25 หลา บีบให้ มูช่า ต้องออกแรงทุบออกหลังไป

วิตเท็ค เกือบมาทำให้แฟนบอล กังหันลม หงายหลัง เมื่อได้บอลหลุดทะลุกับดักล้ำหน้ามาพลิกยิงโล่งๆ แต่ทำได้น่าผิดหวังส่งลูกออกข้ามคานไปไกล ทั้งๆที่กองหลัง ฮอลแลนด์ หยุดเล่นแล้วเพราะคิดว่าเป็นลูกล้ำหน้า

ฮอลลแลนด์ มาตอกตะปูลงฝาโลงใส่ สโลวาเกีย สนิท ในนาทีที่ 84 เมื่อ เค้าท์ แตะบอลหนี มูช่า ที่วิ่งออกมาป้องกัน ก่อนใจกว้างเป็นแม่น้ำไหลเข้ากลางมาให้ ชไนเดอร์ เติมขึ้นมาแปเรียดโล่งๆเข้าไป ส่งผลสกอร์บอร์ดทำงานเป็น ฮอลแลนด์ 2-0 สโลวาเกีย

ช่วงท้ายเกม ฮอลแลนด์ เน้นครองบอลไปมาฆ่าเวลาให้หมดไป เกมทำท่าจะจบลงด้วยสกอร์นี้แต่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ มาร์เตน สเตเคเลนเบิร์ก ผู้รักษาประตู ฮอลแลนด์พลาดไปรวบ โรเบิร์ต วิตเท็ค ในเขตโทษกรรมการเป่าให้เป็นจุดโทษโดยเจ้าตัวลุกขึ้นมายิงเอง แต่หลัง วิตเท็ค ซัดเข้าไปตุงตาข่ายกรรมการก็เป่านกหวีดจบเกมทันที จบเกม ฮอลแลนด์ ชนะ สโลวาเกีย ไป 2-1 เข้าไปเจอแซมบ้า บราซิลในรอบต่อไป



รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

ฮอลแลนด์ : มาร์เตน สเตเคเลนเบิร์ก, เกรกอรี่ ฟาน เดอร์ วีล, จอห์นนี่ ไฮติงก้า, โยริส มาไธจ์เซ่น, โจวานนี่ ฟาน บรองค์ฮอร์สท์ (กัปตันทีม), ไนเจล เด ยองก์, มาร์ค ฟาน บอมเมล, เวสลี่ย์ ชไนเดอร์, เดิร์ค เค้าท์, อาร์เยน ร็อบเบน , โรบิน ฟาน เพอร์ซี่

สโลวาเกีย : แยน มูช่า, ปีเตอร์ เปคาริค, มาร์ติน สเคอร์เทล, แยน ดูริก้า, ราโดสลาฟ ซาบาฟนิค, ยูราจ คุซก้า, มาเร็ค ฮัมซิค , อีริค เยนดริเซ็ค , วลาดิเมียร์ ไวส์, มิโรสลาฟ สต็อช, โรเบิร์ต วิตเท็ค

ผู้ตัดสิน : อัลเบร์โต้ อุนเดียโน่ มาเยนโก้ (สเปน)

อาหมวยบอดี้เพ้นต์บอลโลก 3










อาหมวยบอดี้เพ้นต์บอลโลก ต่อครับ....

สาวจีนโชว์ อึ๋ม ....บอดี้เพ้นต์บอลโลก

ถึงแม้จีนจะไม่ได้ไปบอลโลก แต่บรรดาอาหมวยทั้งหลายก็ยังมีสปิริตลุกขึ้นมาถ่ายแบบบอดี้เพ้นต์โชว์ความขาวอึ๋มของเธอๆรับเทศกาลบอลโลกแบบนี้เขาเรียกว่า"ฮอตฮิตติดกระแสจริงๆ"
















มีต่อชุดที่สองครับ........... คลิกเลย
วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Argentina 3 - 1 Mexico

เตเบช เจ๋ง.... เิบิ้ล พาฟ้าขาวลิ่ว 8 ทีม

Argentina 3 - 1 Mexico


คาร์ลอส เตเบซ เหมาคนเดียว 2 ประตูช่วยให้ อาร์เจนติน่า เอาชนะ เม็กซิโก ไปได้ 3:1 ลิ่วรอบ 8 ทีมสุดท้ายเจอกับ เยอรมัน

world cup 2010
27/06/2010
referee : Roberto Rosetti (Italy)

1-0



2-0



3-0




3-1





26' C. Tevez [1 - 0]

28' R. Marquez ( Mexico )(yellow card)

33' G. Higuain [2 - 0]

52' C. Tevez [3 - 0]

71' [3 - 1] J. Hernandez

Germany 4 - 1 England

ศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน รอบ 16 ทีมสุดท้าย "อินทรีเหล็ก" เยอรมัน ถล่ม"สิงโตคำราม" อังกฤษเละ4:1ลิ่วเข้ารอบ 8ทีมสุดท้าย โคเซ่นำร่อง มุลเลอร์ซัดเบิ้ล แต่ในเกมส์นี้มีข้อกังขาในเรื่องประตูของอังกฤษที่เกือบได้ประตูที่สอง เกมส์จะเป็นยังไง มันส์แค่ไหนไปดูกัน

Germany 4 - 1 England
world cup
27/06/2010
referee : Jorge Larrionda (Uruguay)





20' M. Klose [1 - 0]

32' L. Podolski [2 - 0]

37' [2 - 1] M. Upson

48' A. Friedrich (Germany )(yellow card)

67' T. Müller [3 - 1]

70' T. Müller [4 - 1]

82' G. Johnson (England)(yellow card)
วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2553

United States 1 - 2 Ghana

world cup 2010
26/06/2010

referee : Viktor Kassai (Hungary)


0-1



1-1



1-2






5' [0 - 1] K. Boateng

7' R.A. Clark (United state)(yellow card)

17' S. Cherundolo (United state)(yellow card)

61' J. Mensah (Ghana)(yellow card)

62' L. Donovan (pen.) [1 - 1]

68' C. Bocanegra (United state)(yellow card)

90' A. Ayew (Ghana)(yellow card)

93' [1 - 2] A. Gyan

Uruguay 2 - 1 South Korea

referee : Wolfgang Stark (Germany)




1-0



1-1



2-1






8' L. Suarez [1 - 0]

38' J. Kim (South Korea)(yellow card)

68' [1 - 1] C. Lee

69' D. Cha (South Korea)(yellow card)

80' L. Suarez [2 - 1]

83' Y. Cho (South Korea)(yellow card)
วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Switzerland 0 - 0 Honduras

world cup 2010
25/06/2010

referee : Hector Baldassi (Argentina)






4' H. Thomas (Hondurus)(yellow card)

34' G. Fernandes (Switzerland)(yellow card)

58' D. Suazo (Hondurus)(yellow card)


65' O. Chavez (Hondurus)(yellow card)


89' W. Palacios (Hondurus)(yellow card)

Chile 1-2 Spain

world cup 2010
25/06/2010



0-1



0-2



1-2





15' G. Medel (Chile)(yellow card)

20' W. Ponce (Chile)(yellow card)

21' M. Estrada (Chile)(yellow card)

25' [0 - 1] D. Villa

37' [0 - 2] A. Iniesta

38' M. Estrada (Chile)(Two yellow card) (Red card)

47' R. Millar [1 - 2]

England vs Germany (semi final world cup 1990)

World cup 1990 (semi final)
England vs Germany

@ Italy







Remember this? If not, then you’re lucky because it was absolutely heartbreaking.

We went all the way to the semi-final at World Cup 1990, only to lose to West Germany on spotkicks. I was a youngster at the time and can remember it only in moments:


- Andreas Brehme’s free kick hitting Paul Parker in the arse and looping over Shilton.
- Gary Lineker’s very Lineker-like equalizer.
- Gazza crying his eyes out after that yellow card that would have kept him out of the final. (silver lining: turns out he had nothing to worry about)
- Lineker doing the international gesture for “keep an eye on him” when Gazza started crying.
- Peter Shilton diving the right way for every German penalty. Mostly because he seemed to be diving after the ball hit the back of the net (he was 40 years old at the time, I think) .
- Chris Waddle’s penalty miss. ‘Nuff said.

It was easily the most disappointing experience of my young England watching life. The first time I got really emotional about a football match (devastation was the emotion, in case you were wondering).

Well, now that match is going to be replayed.

Sir Bobby Robson (England manager for that semi-final of course) has organized a rematch at St James’ Park for this summer. July 26th to be exact. Latest news is that Gazza has signed up to play, which is good news in terms of Gazza’s health.

Not sure if Waddle is on board yet, but if he is then I hope for his sake that the game doesn’t go to penalty kicks.

เปเล่ เจ้าของตำนานเล็งตรงข้าม

เปเล่ เจ้าของตำนานเล็งตรงข้าม
เปเล่ ตำนานลูกหนังชาวแซมบ้า ถูกจารึกชื่อเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์โทษฐานเป็นสุดยอดดาวเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลของโลก หลังพา ทีมชาติบราซิล ซิวแชมป์ เวิล์ด คัพ มาครองได้ถึง 3 สมัย เมื่อปี 1958 1962 และ1970 ทว่า หลังจากตัดสินใจแขวนเกือก และหันมาสวมบทเป็นเกจิฟันธง โดยไม่มีใครเชิญ "ไข่มุกดำ" ก็ทำให้ตัวเองหมดความน่าเชื่อถือไปไม่น้อย
ตัวอย่างเหตุการณ์ต่างๆที่แกฟันธงไว้และแม่นมาก(ในทางตรงข้าม)


" จีน กะ ฟุตบอลโลก 2002"


เปเล่ ฟันธง - "จีน จะผ่านรอบแรกใน ฟุตบอลโลก 2002 ชัวร์ป้าด"

เลขที่ออก - จีน จบรอบแรกโดยครองบ๊วยของกลุ่ม ซี แถมยังสะกดคำว่าชนะไม่เป็นสักนัด ไม่เสมอ ไม่มีประตู และก็ไม่มีแต้ม ซะด้วย ส่วนผลต่างประตูได้เสียเท่ากับ -9 ครับ



" สเปน ใน "ฟร้องซ์ 98" "

เปเล่ ฟันธง - "ผมคิดว่า ฟุตบอลโลก 1998 ที่ฝรั่งเศส สเปน เนี่ยเต็งแชมป์เลย"


เลขที่ออก - ขุนพลกระทิงดุ กระเด็นตกรอบแรกแบบหมดสภาพ หลังโดน ไนจีเรีย ยำใหญ่ และทำได้แค่เจ๊า ปารากวัย



" โคลอมเบีย แอนด์ ยูเอสเอ 1994 "

เปเล่ ฟันธง - "โคลอมเบีย นี่แหละ จะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1994 ที่สหรัฐฯ เชื่อผมเต๊อะ!! พี่น้อง"


เลขที่ออก - เหมือนเคย โคลอมเบีย กระเด็นตกรอบแรกแบบบอบช้ำ โดยจบในอันดับสุดท้ายของกลุ่ม แถม ปราการหลังของพวกเขา อย่าง อันเดรส เอสโคบา ยังโดนแฟนบอลที่ไม่สบอารมณ์กับผลงานของทีมส่องดับอนาถ หลังเดินทางกลับถึงบ้านเกิดอีกต่างหาก



" อาร์เจนตินา หรือ ฝรั่งเศส จะเป็นแชมป์ ฟุตบอลโลก 2002"

เปเล่ ฟันธง - "คราวนี้ชัวร์ๆ เลย คุณจะได้เห็น อาร์เจนตินา ควงแขน ฝรั่งเศส เข้าชิงฯ ฟุตบอลโลก 2002"


เลขที่ออก - ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เมื่อแชมป์เก่า และแชมป์ยูโรหมาดๆ อย่าง ฝรั่งเศส และทีมฟอร์มแรงอย่าง อาร์เจนตินา ถูกเขี่ยตกรอบแรกไปทั้งคู่ แถม "ตราไก่" ยังเจาะตาข่ายใครไม่ได้เลยสักกะเม็ด ของเขาแรงจริงๆ!!!



" ภาพยนต์ - เตะแหลกแล้วแหกค่าย (Escape To Victory)"

เปเล่ ฟันธง - ในหนัง Escape To Victory หรือ เตะแหลกแล้วแหกค่าย (ในชื่อภาษาไทย ถ้าผู้เขียนจำไม่ผิด) เปเล่ ได้แสดงเคียงคู่กับ ดาราดัง อย่าง ซิลเวสเตอร์ สตัลโลน และไมเคิ่ล เคน โดย ลุงเล่ ซึ่งเป็นดาวเด่นของ ทีมสัมพันธมิตร โดนผู้เล่นของ ทีมนาซี ทำฟาวล์อย่างรุนแรงในครึ่งแรก และพ่นคำทำนายออกมาว่า "ตูคงเล่นต่อไม่ไหวแล้ว และเมื่อต้องตามหลังอยู่ 0-4 แบบนี้ ทีมสัมพันธมิตร ก็ไม่มีทางจะกลับมาได้แน่"


เลขที่ออก - เปเล่ กลับมาลงเล่นในครึ่งหลังได้ซะง้าน และยังพา ทีมสัมพันธมิตร กลับมาเป็นฝ่ายชนะด้วยการยิงประตูแบบจักรยานอากาศเสียด้วย เห็นป่ะขนาดในหนัง ลุงแกยังกล้าๆ ทำนายผิดเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า


" ไอ้โด้อ้วน มันจบเห่ไปแล้ว "

เปเล่ ฟันธง - "โรนัลโด้ ไม่มีทางจะกลับมาเล่นฟุตบอลได้แน่นอน ฟันธง!" เปเล่ กล่าวหลัง โรนัลโด้ ได้รับบาดเจ็บหัวเข่าอย่างรุนแรงระหว่างลงสนามให้ เอซี มิลาน ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2008



เลขที่ออก - เดือนมีนาคมปี 2009 โรนัลโด้ กลับมาวิ่งไล่เตะลูกหนังได้อีกครั้ง แถมยังกดไปถึง 10 ประตูจากการลงสนาม 14 นัดพา โครินเธียนส์ คว้าแชมป์ คัมปิโอนาโต้ เปาลิสต้า ได้ซะงั้น นอกจากนี้ยงมีข่าวแว่วๆ มาว่า หมอมี่ลุ้นกลับมาติดทีมชาติบราซิลอีกต่างหาก



" นี แลมป์ตีย์ "นี่แหละ นิว เปเล่""

เปเล่ ฟันธง - หลังจาก นี แลมป์ตีย์ โชว์ฟอร์มเด่นในฟุตบอลเยาวชนชิงแชมป์โลกรุนอายุไม่เกิน 17 ปี ในปี 1991 ซึ่งมี อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ ร่วมโชว์ฝีเท้าด้วย เปเล่ ก็ยกย่องดาวรุ่งชากานาทันทีว่า "นี่แหละทายาทของผม เขาคือ นิว เปเล่"



เลขที่ออก - แลมป์ตีย์ ไม่สามารถไปถึงศักยภาพที่แท้จริงได้ เขาเชื่อว่า ตัวเองต้องคำสาปจากมนต์ดำ เขาลงเล่นให้หลายสโมสรทั้ง พีเอสวี แอสตัน วิลล่า โคเวนทรี้ เวเนเซีย และอันคารากูคู แต่ไม่ประสบความสำเร็จกับทีมไหนเลย แถมยังต้องพบกับโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ด้วยการสูญเสียบุตร 2 คนไปอย่างไม่มีวันกลับ


" นิคกี้ บาร์มบี้ คนนี้แหละจะสบยโลกไว้แทบเท้า"

เปเล่ ฟันธง - "นิคกี้ บาร์มบี้ จะขึ้นชั้นเป็นดาวเตะระดับโลกแน่นอน เชื่อผมสิ"



เลขที่ออก - นิคกี้ บาร์มบี้ กลายเป็นเพียงนักฟุตบอลฝีเท้าดาดๆ โดยติดทีมชาติอังกฤษ 23 นัดแต่ไม่เคยสัมผัสฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย เลยสักครั้ง



" ชาติแอฟริกัน จะครองโลกลูกหนัง "

เปเล่ ฟันธง - "ผมมั่นใจเลยว่า ชาติแอฟริกันจะได้ครองแชมป์ฟุตบอลโลกก่อนปี 2000"


เลขที่ออก - ตอนเนี้ย ปี 2009 แล้ว และยังไม่มีประเทศจากแอฟริกาชาติไหนไปไกลเกินกว่ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ของ ฟุตบอลโลกเลย ฮ่วย!



อันนี้เลยเด็ดสุด" บราซิล กับ ฟุตบอลโลก 2002"


เปเล่ ฟันธง - "บราซิลชุดเนี้ยน่ะรึ ขอโทษ แค่รอบแรกก็คงไม่ผ่านด้วยซ้ำ"


เลขที่ออก - บราซิล ผงาดครองแชมป์โลกบนแผ่นดินเอเซีย ด้วยสถิติชนะร้อยเปอร์เซนต์ โดยมีการป้องปากนินทากันให้แซ่ดว่า เปเล่ จงใจทำนายว่า ทีมแซมบ้า จะทำผลงานห่วย เพื่อหวังผลในทางตรงกันข้าม หุหุหุ

เปเล่ "ไข่มุกดำ" ราชันย์ลูกหนังโลก


เอดิสัน อรันเตส โด นาสซิเมนโต (โปรตุเกส: Edison Arantes do Nascimento) หรือ เปเล่ (โปรตุเกส: Pelé) (เกิด 23 ตุลาคม พ.ศ. 2483) นักฟุตบอลชาวบราซิล เล่นให้ฟุตบอลทีมชาติบราซิลชนะฟุตบอลโลก 3 ครั้ง และได้ชื่อว่าเป็น "ราชาฟุตบอล" หรือ "ไข่มุกดำ" เปเล่ได้ทำประตูทั้งหมด 1,281 ประตูในช่วงที่เล่นฟุตบอลอาชีพ ในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายทั้งหมด 12 ประตู และได้เกษียณการเล่นฟุตบอลในปี พ.ศ. 2520

เปเล่ได้เล่นให้กับทีมชาติตั้งแต่ปี 1956-1971 โดยในฟุตบอลโลก 1958 ในขณะที่อายุได้ 17 ปี 239 วัน เปเล่ได้เป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดในฟุตบอลโลกที่ทำประตูได้ ในนัดแข่งกับ ทีมชาติเวลส์


เปเล่เกิดที่เมือง Tres Coracoes ชื่อของเขาถูกตั้งตามนักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน โธมัส อัลวา เอดิสัน โดยพ่อของเขาที่มีอาชีพเป็นนักฟุตบอลอาชีพทีมฟลูมิเนนเซ (Fluminense Football Club) เป็นคนตั้งให้ และชื่อเล่นว่า “ดิโก” (Dico) พอเข้าชั้นประถมเพื่อน ๆ ก็เรียก “เปเล่” และใช้ชื่อนี้มาตลอด เขาเติบโตในย่านยากจนในเมืองเซาท์เปาโล เขาต้องหาเงินด้วยการรับขัดรองเท้า เมื่อวิ่งได้ก็เริ่มหัดเล่นฟุตบอลตามท้องถนน และสนามดินลูกรัง ใช้กระดาษม้วนเป็นก้อนกลมเป็นลูกบอล บางทีก็ใช้ผลเกรพฟุต จนอายุได้ 6 ขวบ พ่อเขาซื้อลูกบอลให้ลูกแรก จนเมื่ออายุได้ 11 ปี วัลเดมาร์ เดอ บริโต (Waldemar de Brito) นักเตะชื่อดังของบราซิลเห็นแววจึงชวนไปอยู่ทีมฟุตบอลสมัครเล่น พออายุได้ 15 ปีจึงได้เข้าทีมเยาวชน Santos FC junior team ปีต่อมาก็ได้เป็นนักบอลอาชีพในทีม Santos Futebol Clube ซึ่งเกมแรกก็ทำประตูชัยได้ 4 ประตู และได้เป็นดาวยิงสูงสุดของลีก พออายุได้ 17 ปี ถูกเรียกตัวติดทีมชาติบราซิล ลงแข่งฟุตบอลโลกในปี 2501 ซึ่งถือเป็นนักฟุตบอลที่อายุน้อยที่สุด ทำฟอร์มได้น่าประทับใจ



เปเล่สามารถยิงประตูที่ 1,000 ในฟุตบอลอาชีพ โดยยิงได้ในเกมที่แข่งกับ ทีม วาสโก ดา กามา (Club de Regatas Vasco da Gama) ในสนามมาราคานา (Marakana) ต่อมาเขาได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งทวีปอเมริกาใต้ในปี 2516 และในการแข่งขันระดับชาติ เขาพาทีมชาติบราซิลเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกถึง 3 สมัย คือปี 2501, 2505 และ 2513 ทำได้ 77 ประตูจากการแข่งขัน 92 ครั้ง สามารถทำสถิติแฮตทริกมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก คือ 92 ครั้ง โดยเขาสามารถยิงประตูในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายถึง 12 ประตู จนได้รับการยกย่องให้เป็น "ราชาฟุตบอล” ("The King of Football") ตลอดอาชีพนักเตะเขาทำประตูได้ 1,282 ประตู จากการเล่น 1,363 นัด

1 ตุลาคม 2520 เขาตัดสินใจลาวงการลูกหนังอย่างเป็นทางการในนัดสุดท้ายที่ ไจแอนต์ สเตเดียม ซึ่งทีม คอสมอส (Cosmos) พบกับ ซานโตส (Santos) มีแฟนบอลหลายหมื่นคนเข้าร่วมการอำลาของเขา หลังจากอำลาวงการ เขาก็ยังทำงานด้านฟุตบอล และได้รับการยอมรับจากนานาชาติ องค์กรระดับโลกให้เข้าร่วมกิจกรรมที่ช่วยเหลือสังคมเสมอมา




ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อเต็ม Edison Arantes do Nascimento
เอดิสัน อรันเตส โด นาสซิเมนโต
วันเกิด 23 ตุลาคม ค.ศ. 1940
สถานที่เกิด Três Corações ประเทศบราซิล


ชื่อเล่น/ฉายา Pelé
O Rei (ราชาฟุตบอล) ,
Pérola Negra (ไข่มุกดำ)


ตำแหน่ง กองหน้า

สโมสรเยาวชน
1952-1956 Bauru EC

สโมสรอาชีพ*
1956-1974
ซานโตส ลงเล่น 605 นัด ยิงไป 589 ประตู

1975-1977
นิวยอร์ก คอสโมส์ ลงเล่นไป 64 นัด ยิงไป 37 ประตู

ทีมชาติ
1956-1971 บราซิล ลงเล่น 92 นัด ทำไป 77 ประตู


* นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้ทีมสโมสร
นับเฉพาะลงเล่นในประเทศ


แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว เอ็ดสัน อารันเตส โด นาสซีเมนโต้ กับ เปเล่ จะเป็นคนเดียวกัน หลายต่อหลายครั้งที่คู่สนทนาของสุดยอดตำนานแห่งวงการลูกหนังโลกผู้นี้บอกว่า เอ็ดสันทำราวกับว่า เปเล่ เป็นบุคคลที่ 3 ณ ที่นั้น "ไม่ว่าผมจะไปที่ไหนในโลก คนจะตะโกนเรียกแต่ เปเล่! เปเล่! เปเล่! เปเล่! แต่ไม่มีใตรจำเอ็ดสันได้สักคน เอ็ดสันคือเปเล่ในเวอร์ชั่นคนเดินดินธรรมดา มีความรู้สึกนึกคิด และต้องทำงานหนักเพื่อครอบครัว" "แต่เปเล่ไม่ใช่ เปเล่คือฮีโร่ในดวงใจ เปเล่ไม่ตาย เปเล่จะไม่มีวันตาย เปเล่จะคงอยู่ตลอดไป ขณะที่เอ็ดสัน จะต้องตายในวันหนึ่ง และดูเหมือนว่าผู้คนจะลืมจุดนี้ไป"




เปเล่อายุ 16 ปี ตอนเข้าสโมสรซานโตสใหม่ๆ



ตอนนี้เปเล่อายุ 62 ปี แต่คนที่ได้พบกับเขาต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ยอดนักเตะผู้เป็นตำนานผู้นี้ยังคงดูเป็น "อมตะ" อยู่เสมอ สถิติยิงประตู 1,283 ลูก 92 แฮตทริก และแชมป์ฟุตบอลโลก 3 สมัย ยังคงยืนยงอยู่ในอันดับหนึ่งแบบไม่มีใครเฉียดเข้าใกล้ได้ เขายังปรากฏตัวในงานต่างๆ ด้วยเสื้อผ้าสุดเนี้ยบตามสไตล์ การเดินเหินคล่องแคล่วไม่ผิดอะไรกับสมัยยังหนุ่ม เส้นผมยังคงเป็นสีดำตามธรรมชาติแทบไม่มีสีขาวแซม เกจิลูกหนังอังกฤษที่ภาคภูมิใจในความเป็นต้นกำเนิดกีฬาฟุตบอลบางคนยังเอ่ยปากด้วยความสงสัยว่า รูปร่างและเท้าเล็กๆ ของเปเล่อาศัยเวทมนตร์วิเศษอันใดจึ่งปั่นหังกองหลังสูงใหญ่อย่าง บ๊อบบี้ มัวร์ เสียอยู่หมัด?

ถึงแม้ว่าปัจจุบัน ชื่อของ เดวิด เบ๊กแฮม จะปรากฏในหัวข่าวบ่อยกว่านักฟุตบอลคนไหนในโลก แต่ทุกวันนี้ ...เป็นเวลากว่า 25 ปีล่วงมานับแต่วันสุดท้ายที่เปเล่วาดลวดลายในสนามฟุตบอล ชื่อของเขายังคงปรากฏเป็นขาจรในหน้าข่าวกีฬาของหนังสือพิมพ์ทั่วโลก และยิ่งปรากฏถี่ขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงการแข่งขันฟุตบอลรายการสำคัญๆ โดยเฉพาะอย่าวยิ่ง ฟุตบอลโลก ที่เรียกว่าจะขาดชื่อของ "ไข่มุกดำ" ผู้นี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

หลายคนอาจจะทราบแล้ว แต่ยังคงมีอิกมากที่ไม่ทราบว่า จุดกำเนิดของ "เปเล่" นั้นมาจากเด็กชายชาวบราซิลคนหนึ่ง ย้อนกลับไปเมื่อกว่าครึ่งศตวรรษที่แล้ว "ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่จู่ๆ เด็กชายคนนั้นก็เรียกผมว่า เปเล่ ระหว่างที่เราเล่นฟุตบอลที่โรงเรียนตอนผมอายุได้ 8 ขวบ" "ผมไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อน มันไม่มีความหมาย และผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเรียกผมอย่างนั้น ผมรู้สึกว่าหมดนั้นต้องล้อเล่นผมแน่ๆเลยมีเรื่องกับเขาทันที ต่อจากนั้นเด็กๆทั้งโรงเรียนต่างก็เรียกผมว่า เปเล่ ผมก็เลยทะเลาะกับพวกเขาบ้าง และโดนสั่งพักการเรียน 2 วัน และพ่อฌดนอาจารย์เรียกไปพบ" และจะเพราะเหตุใดก็ไม่ทราบได้อิกเช่นกัน พ่อ แม่ และครอบครัวของเอ็ดสันจึงพร้อมใจกันเรียกเจ้าหนูว่า เปเล่ แทนชื่อเล่น ดีโก้ ที่เข้าใช้มาตั้งแต่เด็กวินาทีนั้นเองที่ เอ็ดสัน อารันเตส โด นาสซี เมนโต้ ต้องยอมรับการมีอยู่ของ เปเล่ ไปโดยปริยาย

เขายอมรับว่าการแยกขาดจากกันระหว่าง นักฟุตบอลอัจฉริยะชื่อ เปเล่ กัลผู้ชายธรรมดาๆ ชื่อ เอ็ดสัน ช่วยฉุดรั้งให้ขาทั้งสองข้างยังยึดแน่นอยู่บนพื้นดิน “ผมคิดอยู่เสมอว่า เปเล่ คือของขวัญจากพระผู้เป็นเจ้า คุณลองคิดดูสิครับว่า โลกเรามีคนอยู่หลายแสนล้านคนแต่มีบีโธเฟ่นเพียงหนึ่ง มีไมเคิลแองเจโล่เพียงหนึ่ง และมีเปเล่เพียงหนึ่งเท่านั้น นี่แหละคือของขวัญของพระเจ้า” “และเพื่อเป็นการตอบแทนของขวัญอันมีค่ายิ่งนี้ผมจึงพยายามทำตัวเป็นเปเล่ที่ดีที่สุด เป็นเปเล่ผู้เป็นที่รัก เป็นเปเล่ที่มีเกียรติ เพื่อทดแทนบุญคุณของพระเจ้าสำหรับของขวัญชิ้นนี้”




เปเล่ตอนฝึกซ้อมกับสโมสรซานโตส



ในโลกฟุตบอลเอง เปเล่ก็โดนแหน็บแนมไม่น้อยเช่นกัน เพราะถึงช่วงฟุตบอลโลกที มักจะมีคนไปจ่อไมค์ให้เปเล่ทำนายว่าใครจะเป็นแชมป์ในปีนั้น ซึ่งอย่างเมื่อ 4 ปีก่อน เปเล่กล่าวไว้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่งว่า “ครั้งนี้บราซิลไม่มีโอกาส” พอทีมแซมบ้าได้แชมป์ขึ้นมา กุนซือ หลุยส์ เฟลีเปั สโคลารี่ ก็ให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์วิจารณ์ผู้ชายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศอย่างไม่เกรงกลัวว่า “เปเล่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฟุตบอลเลยสักนิด เขาไม่เคยเป็นโค้ช และบทวิเคราห์ของเขาก็ไม่เคยถูกเลยสักครั้งเดียว” และทุกครั้งที่ถูกถามเรื่องนี้ เปเล่จะได้แตหัวเราะและตอบอย่างอารมณ์ดีว่า “การที่มีคนวิจารณ์เรามันก็ดีออกนี่ครับ เพราะนั้นหมายความว่าเขาฟังในสิ่งที่เราพูดทุกอย่างที่ผมพูดเป็นคำสัตย์จากใจทั้งนั้น ตลอดเวลา 45 ปี ที่ผมอยู่ในวงการฟุตบอลมา ผมพูดตามความรู้สึกของตัวเองล้วนๆ ไม่เคยโกหกชาวบราซิลเลยสักครั้ง” ปรากฏว่าคำพยากรณืของเปเล่มักจะผิดเพี้ยนไปทุกครั้ง

ทุกวันนี้เมื้อว่างเว้นจากภารกิจในการเดินสายออกงานให้กับสปอนเซอร์ และการรณรงค์ช่วยเหลือเด็กผู้ด้อยโอกาสตามที่ต่างๆแล้ว เปเล่จะนั้งทำงานอยู่ที่บริษัท เปเล่ โปร บนชั้นที่ 14 ของอาคารสูงในเมืองเซาเปาโลอย่างมีความสุข เขาใช้ชีวิตอยู่กับภรรยาคนที่สอง แอสซีเรีย และลูกแฝด โจชัว กับ เซเลสเต้ และยังติดต่อกับ เอดินโญ่ และ เจนนีเฟอร์ ลูกๆที่เกิดกับภรรยาคนแรกรวมทั้งลูกนอกสมรส ฟลาเวีย และ ชานคร้า บ่อยครั้งที่ “เอ็ดสัน” คนธรรมดา หยิบภาพถ่ายครอบครัวมาอวนเพื่อนๆ หรือคนแปลกหน้าด้วยความภูมิใจ บ่อยครั้งที่ “เอ็ดสัน”หยุดยืนดูภาพวีดีโอสมัยตัวเองยังเป็นนักเตะ และหันไปดุคนที่พยายามชวนคุยว่า “จุ๊ จุ๊ ขอให้ผมดูเปเล่ก่อน" และสิ่งที่ทำให้ เอ็ดสัน อารันเตส โด นาสซี เมนโต้ ดูจะตื่นเต้นมากเป็นพิเศษในช่วงนี้ก็คือ “คำตอบ” ของคำถามที่ค้างคาใจเขามานานกว่า 50 ปี “ คุณรู้มั้ย วันก่อนเพื่อนผมบอกว่าเขาเพิ่งจะค้นพบความหมายของคำว่า เปเล่ ล่ะ! เขาตะเวณเดินทางไปทั่วโลกเป็นเวลาหลายปี เพียรขวนขวายหาความหมายของชื่อนี้ที่ติดตัวผมมาตลอด และได้ทำตอบในที่สุด”
“ชื่อนี้ปรากฏอยู่ในคำภีร์ไบเบิ้ลภาษายิว….”
“เปเล่” หมายถึง “ปาฏิหาริย์” !


จากหนังสือพิมพ์มติชน คอลัม “เวลานอก” 15 กรกฎาคม 2546

Portugal 0 - 0 Brazil

world cup 2010
25/06/2010

referee : Benito Archundia (Mexico)




15' L. Fabiano (Brazil)(yellow card)

25' Duda (Portugal)(yellow card) Juan (Brazil)(yellow card)

31' Tiago (Portugal)(yellow card)

40' Pepe (Portugal)(yellow card)

43' F. Melo (Brazil)(yellow card)


45' F. Coentrao (Portugal)(yellow card)

Korea DPR 0 - 3 Ivory Coast

world cup 2010
25/06/2010


referee : Alberto Undiano Mallenco (Spain)






14' [0 - 1] Y. Touré

20' [0 - 2] Romaric

82' [0 - 3] S. Kalou
วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เทคนิคการเลี้ยงฟุตบอล ฝึกได้เป็นเทพ 1




Cameroon 1 - 2 Netherlands

Fifa world cup 2010
24/06/2010

referee : Pablo Pozo (Chile)





17' D. Kuyt (Netherlands)(yellow card)

25' N. N´Koulou (Cameroon)(yellow card)

36' [0 - 1] R.v. Persie

65' S. Eto´o (pen.) [1 - 1] R.v.d. Vaart (Netherlands)(yellow card)

70' G.v. Bronckhorst (Netherlands)(yellow card)

81' S. M´Bia (Cameroon)(yellow card)

83' [1 - 2] K.J. Huntelaar

Denmark 1 - 3 Japan

world cup 2010
24/06/2010

referee : Jerome Damon (South Africa





12' Y. Endo (Japan)(yellow card)

17' [0 - 1] K. Honda

26' Y. Nagatomo (Japan)(yellow card)


29' P. Krøldrup (Denmark)(yellow card)

30' [0 - 2] Y. Endo

48' C. Poulsen (Denmark)(yellow card)

66' N. Bendtner (Denmark)(yellow card)

81' J.D. Tomasson [1 - 2]

81' J.D. Tomasson (pen.) (No Goals)

87' [1 - 3] S. Okazaki

Paraguay 0 - 0 New Zealand

world cup 2010
24/06/2010

referee :Yuichi Nishimura (Japan)






10' V. Caceres (Paraguay)(yellow card)

42' R.S. Cruz (Paraguay)(yellow card)

56' R. Nelsen (New Zealand )(yellow card)

Slovakia 3 - 2 Italy

world cup 2010
24/06/2010
referee : Howard Webb (England)






17' Z. Strba (Slovakia) (yellow card)

25' R. Vittek [1 - 0]

31' F. Cannavaro (Italy)(yellow card)

40' R. Vittek (Slovakia) (yellow card)

50' P. Pekarik (Slovakia) (yellow card)

67' G. Chiellini (Italy)(yellow card)

73' R. Vittek [2 - 0]

76' S. Pepe (Italy)(yellow card)

81' [2 - 1] A.D. Natale

82' J. Mucha (Slovakia) (yellow card)

83' F. Quagliarella (Italy)(yellow card)

89' K. Kopunek [3 - 1]

90' [3 - 2] F. Quagliarella
วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Ghana 0 - 1 Germany

world cup 2010
23/06/2010
referee : Carlos Simon (Brazil)





40' A. Ayew (Ghana)(yellow card)

43' T. Müller (Germany)(yellow card)

60' [0 - 1] M. Özil

Slovenia 0 - 1 England

world cup 2010
23/06/2010

referee : Wolfgang Stark (Germany)






23' [0 - 1] J. Defoe

40' B. Jokic (Slovenia)(yellow card)

48' G. Johnson (England)(yellow card)

79' V. Birsa (Slovenia)(yellow card)

81' Z. Dedic (Slovenia)(yellow card)

United States 1 - 0 Algeria

Fifa world cup 2010
23/06/2010

referee : Frank De Bleeckere (Belgium)






12' H. Yebda (Algeria)(yellow card)

62' J. Altidore (United States) (yellow card)

76' A. Yahia (Algeria)(yellow card)

83' M. Lacen (Algeria)(yellow card)

90' L. Donovan [1 - 0] A. Yahia (Algeria)(Two yellow card)(Red card)

90' D. Beasley (United States) (yellow card)

Australia 2 - 1 Serbia

Fifa world cup 2010
23/06/2010

referee : Jorge Larrionda (Uruguay)








18' A. Lukovic (Serbia) (yellow card)

49' M. Beauchamp (Australia) (yellow card)

50' L. Wilkshire (Australia) (yellow card)

59' M. Ninkovic (Serbia) (yellow card)

67' B. Emerton (Australia) (yellow card)

69' T. Cahill [1 - 0]

73' B. Holman [2 - 0]

84' [2 - 1] M. Pantelic
วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Greece 0 - 2 Argentina

Fifa world cup 2010
22/06/2010

referee :Ravshan Irmatov (Uzbekistan)






30' K. Katsouranis (Greece)(yellow card)

76' M. Bolatti (Argentina)(yellow card)

77' [0 - 1] M. Demichelis

89' [0 - 2] M. Palermo

Nigeria 2 - 2 South Korea

world cup 2010
22/06/2010

referee:Olegario Benquerenca (Portugal)






12' K. Uche [1 - 0]

31' V. Enyeama (Nigeria) (yellow card)

38' C. Obasi(yellow card) [1 - 1] J. Lee

42' A. Yussuf (Nigeria)(yellow card)

49' [1 - 2] C. Park

69' A. Yakubu (pen.) [2 - 2] N. Kim (yellow card)

France 1 - 2 South Africa

world cup
22/06/2010
referee : Oscar Ruiz (Colombia)




20' [0 - 1] B. Khumalo

26' Y. Gourcuff (France)(Red card)

37' [0 - 2] K. Mphela

70' F. Malouda [1 - 2]

71' A. Diaby (France) (yellow card)

Mexico 0 - 1 Uruguay

world cup
22/06/2010






43' [0 - 1] L. Suarez
68' J. Fucile (yellow card)
77' J. Hernandez (yellow card)
86' I. Castro (yellow card)
วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Spain 2 - 0 Honduras

Chile 1 - 0 Switzerland

world cup
21/06/2010

Portugal 7 - 0 North Korea

world cup
21/06/2010

Brazil 3 - 1 Ivory Coast

world cup
20/06/2010

Italy 1 - 1 New Zealand

world cup
20/06/2010

Slovakia 0 - 2 Paraguay

world cup
20/06/2010

วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Cameroon 1 - 2 Denmark

world cup
19/06/2010

Ghana 1 - 1 Australia

world cup
19/06/2010

Netherlands 1 - 0 Japan

world cup
19/06/2010

England 0 - 0 Algeria

world cup
18/06/2010

Slovenia 2 - 2 United States

world cup
18/06/2010

Germany 0 - 1 Serbia

world cup
18/06/2010

วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553

France 0 - 2 Mexico

Greece 2 - 1 Nigeria

world cup
17/06/2010

Argentina 4 - 1 South Korea

วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2553

South Africa 0 - 3 Uruguay

Spain 0-1 Switzerland

world cup
16/06/2010

Honduras 0-1 Chile

world cup
16/06/2010


วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Brazil 2 - 1 North Korea

world cup
15/06/2010

1-0



2-0



2-1

Ivory Coast 0 - 0 Portugal

World cup
15/06/2010

New Zealand 1 - 1 Slovakia

world cup
15/06/2010

อลังการงานช้าง..ตามแบบอย่างแอฟริกา FIFA World cup 2010

FIFA World cup 2010
สิ่งที่มวลมนุษย์ชาติรอคอยมานานได้เริ่มขึ้นแล้ว กับมหกรรมลูกหนังโลกได้เริ่มเปิดฉากขึ้นในช่วง 16.00 น.ของวันศุกร์ ที่ 11 มิ.ย.ตามเวลาท้องถิ่น แอฟริกาใต้ เจ้าภาพของศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบสุดท้าย ท่ามกลางพิธีเปิดสุดอลังการ พร้อมกับสีสันอันตระการตา

พิธีเปิดการแข่งขันที่จัด ขึ้นใช้เวลาไปราว 30 นาทีเศษ นำโดยบรรดาทีมศิลปินชื่อก้องของทวีปแอฟริกา อาทิ ฮิวจ์ มาเซเคล่า นักร้องดังของเจ้าภาพ, เฟมิ คูติ ดาราดังของไนจีเรีย, คาเลด ศิลปินแนวป๊อปจากแอลจีเรีย, วงโอซิบิซา ตำนานของประเทศกานา รวมไปถึงศิลปินดังของแอฟริกาใต้ ทั้ง แธนดิซาวา มาซไว และ HHP วงฮิป-ฮอป ชื่อดัง ต่างพากันเดินตบเท้าเข้ามาเป็นดาราเอกในพิธีการอย่างคับคั่ง
พิธีเปิดฟุตบอลโลก 2010
ในเทศกาลเฉลิมฉลองของชาวแอฟริกันครั้งนี้ อาจดูกร่อยลงไปบ้าง เมื่อไร้การปรากฎตัวของ เนลสัน แมนเดล่า อดีตประธานาธิปดี และรัฐบุรุษของชาวแอฟริกาใต้ ที่ปฏิเสธการเดินทางมาเป็นสักขีพยานแบบกระทันหัน หลังจากเพิ่งเจอข่าวร้าย เกี่ยวกับการเสียชีวิตของเหลนสาว เมื่อช่วงกลางคืน ก่อนพิธีการแค่ 1 วันเท่านั้น

แต่ถึงอย่างไรก้ตาม การแสดงในรูปแบบชนพื้นเมืองชาวแดนกาฬทวีป ภายใต้แนวความคิด “สีสันแห่งแอฟริกา” ซึ่งขนนักแสดงมาร่วมพิธีถึงจำนวน 1,581 คน และก็ไม่ทำให้บรรดาผู้ชมที่เดินมาดูพิธี ณ สนามซ็อคเกอร์ ซิตี้ สเตเดี้ยม ในกรุงโยฮันเนสเบิร์ก รู้สึกผิดหวัง แต่อย่างใด

สำหรับไฮไลท์ของพิธีการ คือ การขึ้นมาขับรองบทเพลง “Sign of a Victory” เพลงสดุดีประจำศึกฟุตบอลโลกหนนี้ จาก อาร์.เคลลี (R. Kelly) นักร้องเพลงแนวอาร์แอนด์บี ชื่อดังชาวอเมริกัน ควบคู่ไปกับนักร้องท้องถิ่นจากย่านโซเวโต ก่อนที่พิธีการดังกล่าวจะสิ้นสุดลง พร้อมกับเสียงโห่ร้องอันกึกก้องจาก “วูวูเซล่า” อุปกรณ์เชียร์ของแฟนบอลเจ้าทีม ที่เข้ามาเป็นสักขีพยานในพิธีในอย่างคับคั่ง






มอเตอร์ไซค์แต่งสวยๆ

แต่งรถยนต์ รถยนต์แต่งสวย

คลับของคนรักมวยไทย

Updates Via E-Mail

Popular Posts


statistic

ฟรีบริการเก็บสถิติเว็บไซด์ FlashSanook แฟลชเกมสนุกของคนออนไลน์


ศูนย์รวมชมรมนักแต่งรถเครื่อง รูปภาพรถแต่งสวยๆและเทคนิคการแต่งเจ๋งๆ ที่นี่ tangmocy.blogspot.com
Scoopy-i สวยลงตัว ไม่ต้องแต่งมาก แถวพระรามสาม โซนิคเขียวขาว แต่งเดิมๆ แต่ดูดีมีไสตล์ ชาลีสีดำ ไสตล์สปอร์ต แจ่มสุดๆ
Mio ออลสตาร์ โอเพ่น บอย ยากูซ่า 123 % อุบลฯ เจ๋งเป้งมากๆ Ducati M900 ปี99 สีแดง โซนิคแถวบางนา แจ่มได้ใจ